การเงิน-หุ้น

ทีทีบี จัดหลักสูตร LEAN for Sustainable Growth รุ่น 19 สำหรับอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจยุคดิจิทัล เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มุ่งมั่นสนับสนุนให้ลูกค้าธุรกิจและเอสเอ็มอีสามารถบริหารองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก้าวผ่านความท้าทาย พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน เปิดอบรมหลักสูตร LEAN for Sustainable Growth by ttb รุ่นที่ 19 สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ (Healthcare)  

เน้นเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจด้วยองค์ความรู้ที่ครบครันและนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงจากพันธมิตรชั้นนำ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ สามารถเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ความยั่งยืนได้ในอนาคต

นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า การบริหารจัดการธุรกิจในยุคนี้มีความท้าทายอย่างมากจากกระแสทั้งดิจิทัลดิสรัปชัน พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในตลาดการเงิน

การมุ่งเป้าไปที่การสร้างรายได้หรือเพิ่มยอดขายอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ธนาคารจึงมองว่าการเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจในทุกด้านจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะส่งผลให้ธุรกิจสามารถส่งมอบสินค้าและบริการไปถึงมือผู้บริโภคด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ในขณะที่ประสบการณ์ของลูกค้าก็ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีปัจจัยบวก แม้ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัว และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตได้ช้า แต่ภาคการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังถือเป็นกลไกสำคัญทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพต่อครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ยังสามารถเติบโตได้อย่างดี ตลาดบริการทางการแพทย์เฉพาะภาคเอกชนอย่างเดียวสามารถสร้างรายได้มากถึง 4 แสนล้านบาทต่อปี โดย 80% มาจากโรงพยาบาลเอกชน ส่วนเทรนด์ธุรกิจที่น่าสนใจและคาดว่าจะเติบโตในอัตราเร่ง

คือโรงพยาบาลเฉพาะทาง คลินิกเฉพาะทาง คลินิกเสริมความงาม และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ โดยมีตัวอย่างนวัตกรรมที่เห็นได้ชัดในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ เช่น Wearable Device อุปกรณ์อัจฉริยะที่บันทึกข้อมูลสุขภาพของผู้สวมใส่ หรือ Telemedicine บริการพบแพทย์ผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นต้น

หลักสูตร LEAN for Sustainable Growth by ttb รุ่นที่ 19 ในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ ซึ่งเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในอนาคต ผู้ประกอบการได้เรียนรู้ในเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และสามารถนำไปใช้ได้จริงเพื่อปรับตัวลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบสินค้าและบริการได้

ทีทีบีพร้อมสนับสนุนให้ลูกค้าธุรกิจและเอสเอ็มอีประสบความสำเร็จ ผ่านการส่งมอบองค์ความรู้ภายใต้โครงการ “finbiz by ttb” ซึ่งถือเป็น Hub แห่งการเรียนรู้สำหรับผู้ประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง โดยหลักสูตร LEAN for Sustainable Growth by ttb รุ่น 19 สำหรับอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ ในรุ่นนี้มีผู้ประกอบการให้ความสนใจ

และผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้ารับการอบรมกว่า 60 บริษัท โดยหลักสูตรมุ่งเน้นการเข้าถึงองค์ความรู้ที่ปรับให้เข้ากับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ผ่าน 3 องค์ความรู้หลักที่น่าสนใจ ได้แก่

1. Effective Cost Saving – การลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และวางรากฐานธุรกิจให้แข็งแรงตามแนวคิด LEAN ที่เป็นเนื้อหาหลักของโครงการมาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ

2. Unlock and Empower Business Potential – การเพิ่มศักยภาพและการเติบโตของธุรกิจผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อมุ่งสู่ Digital Business ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในปัจจุบัน  

3. Transition to Sustainability Business – การสร้างความยั่งยืนขององค์กร ผ่านการบริหารองค์กรที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมดำเนินธุรกิจตามแนวคิด ESG เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นเนื้อหาใหม่ที่ทางโครงการได้เพิ่มขึ้นอย่างเข้มข้นมากขึ้นในรุ่นนี้

องค์ความรู้ที่มีคุณภาพดังกล่าวสามารถนำไปประยุกต์ได้จริง ผ่านการเรียนรู้รูปแบบเวิร์คช็อป และการแบ่งปันประสบการณ์จากผู้บริหารระดับสูงขององค์กรขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน อาทิ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ โรงพยาบาลพระรามเก้า กลุ่มโรงพยาบาลวิภาราม บมจ. ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล  บจก. กรุงเทพดรักสโตร์ และ บจก. สมูท อี 

การจัดหลักสูตรอบรมของทีทีบี ในปีนี้ หวังให้ผู้ประกอบการที่เข้ารับการอบรม สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับในครั้งนี้ ไปเป็นเครื่องมือในการปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป

การเงิน-หุ้น

ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี แนะ 9 วิธีรับมือเมื่อโดนบูลลี่ ร่วมผลักดันหยุดวงจรบูลลี่ พร้อมสร้างความเข้าใจ ลดปัญหาบูลลี่ในรั้วโรงเรียนผ่านโครงการ “เท่ได้..ต้องไม่บูลลี่”

ปัญหาการกลั่นแกล้งเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นในสังคมทั่วโลก ซึ่งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า ประเทศไทยติดอันดับการบูลลี่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศญี่ปุ่น

และส่วนใหญ่การบูลลี่เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน ตามมาด้วยการบูลลี่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งทำให้ประเด็นการระราน กลั่นแกล้ง จนถึงทำให้อับอายถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้Cybersmile Foundation 

องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อต่อต้าน Cyberbullyingกำหนดให้วันศุกร์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายนเป็น “วันหยุดการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์” (Stop Cyberbullying Day) เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกตระหนักถึงความรุนแรง ของการกลั่นแกล้งทางโลกออนไลน์ และร่วมหยุดพฤติกรรมดังกล่าว

ปัญหาจากการบูลลี่ส่วนใหญ่เริ่มต้นจากวัยเด็ก โครงการไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี พื้นที่สนับสนุนและจุดประกายเยาวชน เพื่อสร้างสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน จึงต้องการเดินหน้าส่งเสริมทักษะเยาวชนไทยในทุกมิติ ให้กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม รวมถึงเข้าใจและยอมรับความแตกต่างของผู้อื่น พร้อมแนะนำ 9 วิธีรับมือเมื่อโดนบูลลี่ ประกอบด้วย

1. ทำความเข้าใจว่าการกลั่นแกล้งคืออะไร

สิ่งสำคัญ ที่ทำให้เราเข้าใจปัญหามากขึ้นต้องดูที่จุดเริ่มต้นว่าการกลั่นแกล้ง คือ นิสัยที่เลียนแบบมาจากการเห็นหรือได้ยิน เช่น การพบเจอปัญหาคนในครอบครัวทะเลาะกัน หรือพบเจอคนในชุมชนกันด้วยคำพูดหยาบคายทุกวัน จนทำให้เข้าใจผิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ

2. มองหาวิธีจัดการกับความเครียด

ควรลองมองหากิจกรรมหรือสิ่งใหม่ ๆ เช่น การออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง หรือออกไปเที่ยว เพื่อจัดการกับความเครียดของตนเองทำเพื่อจัดการกับความเครียดของตนเอง และทำให้สภาพจิตใจไม่หมกมุ่นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

3. กล้าที่จะพูดหรือแสดงความไม่พอใจต่อผู้กระทำ

ควรกล้าที่จะแสดงออก ให้ผู้กระทำรู้สึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเรากำลังไม่พอใจ หรือ เสียใจ เพื่อให้ผู้กระทำรับรู้ผลกระทบที่จะตามมา

4. ดูแลสุขภาพกายและใจของตัวเราเองให้ดี

เมื่อถูกกลั่นแกล้งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกาย จนทำให้เกิดการอดอาหาร เครียด นอนไม่หลับ ซึ่งหากการกลั่นแกล้งจนกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาได้อย่างดีและตรงจุด

5. บอกเล่าการโดนแกล้งกับพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือครู

ต้องไม่เพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ควรบอกเล่าปัญหาของตนกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครูที่

โรงเรียน เพราะปัญหาการถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนต้องได้รับความร่วมมือจากทุกส่วนเพื่อหาวิธีการรับมือ และหาวิธีการแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน

6. อย่ามองว่าตัวเองเป็นปัญหา

การมีอัตลักษณ์ที่ต่างจากผู้อื่นไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นเพราะทัศนคติของผู้กระทำที่เป็นปัญหา ให้ปรับเปลี่ยนทัศนคติว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ใช่ปัญหาของเรา แต่เป็นปัญหาของเขาที่ต้องแก้

7. การกลั่นแกล้งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย

ในบางสถานการณ์การกลั่นแกล้งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากว่าผู้ถูกกระทำ ถูกกลั่นแกล้งทางร่างกายหรือทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูดด่าทอเชื้อชาติ หรือเพศสภาพ ใช้กำลัง 

และความรุนแรงรังแกผู้อื่นหรือแม้แต่การแชร์เรื่องส่วนตัวของผู้อื่นในอินเตอร์เน็ต ล้วนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น หากว่ามีการพบเจอการกลั่นแกล้งที่รุนแรงสามารถแจ้งตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายได้

8. อย่าแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว

การอยู่คนเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาหรือทำให้เราจัดการกับการกลั่นแกล้งได้ อีกทั้งยังสามารถ ทำให้สถานการณ์แย่ลงไปเรื่อย ๆการอยู่คนเดียวเงียบ ๆ จะทำให้ลดความมั่นใจ และความภาคภูมิใจของผู้ถูกกระทำ

9. มองหาบุคคลต้นแบบที่ดี

การกลั่นแกล้ง ทำให้ผู้ถูกกระทำสับสนและไม่ชอบในตัวเอง หากผู้ถูกกระทำมีบุคคลต้นแบบที่ดี จะสามารถทำให้เห็นได้ว่า มีอีกหลายคนที่เคยพบเจอกับปัญหาเดียวกัน แต่พวกเขาก็สามารถก้าวข้าม ผ่านการโดนกลั่นแกล้งจนสามารถประสบความสำเร็จได้ การมีบุคคลต้นแบบที่ดีนั้น จะทำให้ผู้ถูกกระทำมองเห็นคุณค่าของตัวเองและรักตัวเองมากขึ้น

เพื่อให้เยาวชนตระหนักและเข้าใจถึงภัยร้ายของการบูลลี่มากขึ้น จึงเป็นที่มาของโครงการ“เท่อย่างไทย โดย ไฟ-ฟ้า ทีทีบี ที่สานต่อการประกวดโครงงานในหัวข้อ “เท่ได้…ต้องไม่บูลลี่” เพราะต้องการให้การบูลลี่ทั้งในรั้วโรงเรียน ในสังคมไทย และบนโลกออนไลน์ ลดน้อยลงให้ได้มากที่สุด

ซึ่งการสื่อสารเพื่อสร้างความตระหนักถึงความรุนแรง และร่วมหยุดพฤติกรรมผ่านเยาวชนช่วงวัยที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษา เป็นการสื่อสารที่ตรงโจทย์ และเห็นผลได้ชัดเจนที่สุด จึงเป็นที่มาของการสานต่อกิจกรรมในครั้งนี้ โดยเปิดเวทีสร้างโอกาสให้เยาวชนได้ร่วมกันทำงานเป็นทีมสร้างสรรค์โครงงานเพื่อร่วมรณรงค์ต่อต้านการบูลลี่ 

โดยกระตุ้นจิตสำนึก และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเริ่มแก้ไขจากการบูลลี่ในโรงเรียนเพื่อชิงรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษาและนำผลงานที่ชนะเลิศออกเผยแพร่ นำไปปรับใช้เพื่อลดปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนและสังคมต่อไป

โรงเรียน หรือสถาบันการศึกษาที่สนใจ ร่วมเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาการบูลลี่ สามารถส่งน้อง ๆ เยาวชน สมัครเข้าร่วมประกวดโครงงานในหัวข้อ “เท่ได้…ต้องไม่บูลลี่”ประจำปี2567 ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 16 กรกฎาคม 2567ศึกษาดูรายละเอียดและขั้นตอนการสมัครได้ที่www.เท่อย่างไทย.com

การเงิน-หุ้น

ทีทีบี ชวนสัมผัสประสบการณ์มหกรรมกีฬาระดับโลก ผ่านบัตรเดบิตวีซ่าลายพิเศษ ttb all free Olympic Games Paris 2024 ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ พร้อมรับฟรีของพรีเมียมโอลิมปิก

นับถอยหลังสู่มหกรรมกีฬาระดับโลก “โอลิมปิก ปารีส 2024” ที่จะเปิดฉากในวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 นี้ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ชวนร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเทศกาลโอลิมปิกคว้าโอกาสสัมผัสประสบการณ์ระดับโลกผ่าน บัตรเดบิตวีซ่า ttb all free Olympic Games Paris 2024 

ลายหน้าบัตรสุดพิเศษ ต้อนรับโอลิมปิก ปารีส 2024 ที่มีให้เลือก 2 ลาย โดยเป็นบัตรเดบิตใบแรกและใบเดียวที่ไม่มีค่าธรรมเนียมบัตรแรกเข้าและรายปี พร้อมมอบสิทธิประโยชน์เทียบเท่าบัตรเครดิต ให้ใช้จ่ายได้คุ้มค่าทั้งในและต่างประเทศ 

ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์กิน ช้อป เที่ยวพิเศษเมื่อสมัครบัตรเดบิตและมียอดใช้จ่ายครบตามกำหนดภายใน 30 วัน รับฟรีของที่ระลึกVISA Premium Olympic Games Paris 2024 ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2567 – 15 สิงหาคม 2567 รายละเอียดดังนี้

• ยอดใช้จ่ายสะสม 3,000 บาทขึ้นไป เลือกรับฟรี กระเป๋าสะพายหลัง หรือ Reusable Bagมูลค่า 800 บาท 

• ยอดใช้จ่ายสะสม 5,000 บาทขึ้นไป รับเพิ่ม แก้วเก็บความเย็น มูลค่า 1,000 บาท 

• ยอดใช้จ่ายสะสม 10,000 บาทขึ้นไป รับเพิ่ม เก้าอี้แคมปิ้ง มูลค่า 2,000 บาท 

พร้อมรับสิทธิประโยชน์ที่มอบให้เฉพาะผู้ถือบัตรเดบิต ttb all free เท่านั้น

• รับเงินคืน 1% เมื่อมียอดใช้จ่ายที่ประเทศฝรั่งเศส (1 พฤษภาคม 2567 -31 กรกฎาคม 2567 )

• ใช้จ่ายเที่ยวต่างประเทศเรทถูก ไม่ต้องแลกเงิน เพราะ ฟรี FX Rate 2.5% 

• ใช้จ่ายค่า Netflix Agoda VIU หรือ ร้านค้าอื่น ๆ ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ 
ฟรีค่าธรรมเนียม DCC 1% 

• มีโค้ดส่วนลดออนไลน์แจกมากกว่า 2,000 บาท ทุกเดือน

• ส่วนลดร้านอาหาร สูงสุด 20% กว่า 600ร้าน 

เปิดบัญชีและออกบัตรเดบิต ttb all free ได้ง่ายๆ ผ่านแอป ttb touch  ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของ
โปรโมชันนี้ได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/acquisition-olympicgamesparis2024-phase2

การเงิน-หุ้น

fintips by ttb ชวนเช็กอยากได้รถยนต์ไฟฟ้าสักคันรู้หรือยังต้องดูอะไรบ้าง

รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มาแรงและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในบรรดาผู้ใช้รถยนต์ โดยเฉพาะในหมู่ผู้ซื้อรถยนต์หน้าใหม่ เพราะโดดเด่นทั้งเรื่องความสะดวกสบายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อรถไฟฟ้าสักคันควรเช็กให้รอบคอบ fintips by ttb #เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจอยากชวนทุกคนมาเช็กและทำความเข้าใจเรื่องที่จำเป็นต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ทุกการใช้เงินของคุณคุ้มค่ามากที่สุด

  1. ประเภทรถยนต์ไฟฟ้า 

ประเภทของรถยนต์ไฟฟ้าจะแบ่งตามวิธีการทำงานและพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อน โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้

  • Hybrid (HEV) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ผสมผสานการใช้งานระหว่างพลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิง และพลังงานไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ จึงมีทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกัน
  • Plug-in Hybrid (PHEV) มีความคล้ายคลึงกับ HEV แต่มีความสามารถในการชาร์จแบตเตอรี่จากแหล่งพลังงานภายนอกด้วยการใช้ปลั๊กไฟฟ้าได้
  • Battery Electric Vehicle (BEV) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนที่ใช้เฉพาะพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว จึงไม่มีการปล่อยก๊าซที่สร้างมลพิษให้กับโลก ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ได้รับความสนใจจากอุตสาหกรรมผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก
  • Fuel Cell Electric Vehicle (FCEV) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซไฮโดรเจนทำปฏิกิริยากับออกซิเจนที่เซลล์เชื้อเพลิงเพื่อสร้างพลังงานให้เกิดการขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้า
  1. สำรวจความพร้อมด้วยเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าน่ารู้

หลายคนอาจกังวลเรื่องความพร้อมและบริการต่าง ๆ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ แต่ปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราสามารถติดตามเทรนด์และความเคลื่อนไหว เพื่อให้ไม่พลาดข่าวสาร รวมทั้งช่วยเสริมความมั่นใจและไขข้อสงสัยต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยเทรนด์ที่น่าสนใจล่าสุด มีดังนี้

  • ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมียอดขายและการจดทะเบียนเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ส่วนในประเทศไทย สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (EVAT) รายงานว่า มียอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้า BEV รวมทุกประเภท ตั้งแต่มกราคม – ธันวาคมปี 2566 จำนวนกว่าหนึ่งแสนคัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีเพียงหลักหมื่นคัน
  • ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบตเตอรี่พัฒนาขึ้นมาก ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น สามารถวิ่งระยะทางได้ไกลขึ้นเรื่อย ๆ 
  • กระแสความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ทำให้รัฐบาลทั่วโลกหันมาสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
  1. ไลฟ์สไตล์เราเป็นแบบไหนเหมาะกับรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่

แน่นอนว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและการทำงานก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ควรพิจารณาควบคู่ เช่น

  • ผู้ที่ห่วงใยใส่ใจสิ่งแวดล้อม : รถยนต์ไฟฟ้าตอบโจทย์สายรักษ์โลก เพราะใช้พลังงานสะอาด ลดภาวะก๊าซเรือนกระจก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทำให้โลกเราน่าอยู่ขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการทางเลือกที่ประหยัด : ค่าน้ำมันนับวันยิ่งแพงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น รถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงานในระยะยาวมากกว่า
  • ผู้ที่สามารถปรับตัวไปพร้อมกับเทคโนโลยีได้ : จะใช้รถยนต์ไฟฟ้าต้องมีความพร้อมในการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น สถานีชาร์จภายในบ้าน และต้องหมั่นติดตามอัปเดตซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ให้ทันสมัย
  1. ข้อมูลสำคัญเพื่อการดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า

ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เราควรจะต้องทราบข้อมูลที่สำคัญในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า เช่น

  • ประเภทของแบตเตอรี่ : รถยนต์ไฟฟ้ามีแบตเตอรี่หลายรูปแบบ ซึ่งเราจะต้องทราบรายละเอียดแต่ละประเภท เพื่อการใช้งานและ ดูแลรักษาให้มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น
    • ลิเทียมไอออน – เป็นแบตเตอรี่ที่ถูกนำมาใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าด้วย มีคุณสมบัติที่เหมาะสมและได้รับความนิยมนำมาใช้งานในรถยนต์ไฟฟ้า เพราะมีประสิทธิภาพสูง เก็บพลังงานได้อย่างดี อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบา ขนาดที่เล็กกว่า เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ที่มีความจุเท่ากัน
    • ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต – เป็นแบตเตอรี่ที่ใช้ฟอสเฟสเป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้า ทำให้มีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวกว่าลิเทียมไอออน ใช้เวลาชาร์จสั้นลง ปลอดภัยและทนทานในการใช้งานในอุณหภูมิต่างๆ ได้อีกด้วย
    • โซลิดสเตด – เป็นแบตเตอรี่ที่มีการพัฒนาให้ได้คุณภาพที่สูงขึ้น ชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว สามารถใช้ในรถยนต์ที่มีการขับขี่ในระยะไกล ทำงานได้หลายอุณหภูมิ และมีความปลอดภัยสูง
  • แท่นชาร์จ : มั่นตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ชาร์จที่บ้านเป็นประจำ เพื่อรักษาความปลอดภัยในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาด การตรวจสอบช่องระบายอากาศ และสายเคเบิล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย

ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ามีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งก่อนตัดสินใจซื้อควรต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้เข้าใจก่อนว่า รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีกี่ประเภท ไลฟ์สไตล์การใช้งานแบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง รวมไปถึงการดูแลรักษาต่าง ๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อได้อย่างคุ้มค่า และขับขี่อย่างปลอดภัยตลอดอายุการใช้งาน 

และเมื่อเลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบไลฟ์สไตล์ได้แล้ว ก็อย่าลืมวางแผนการเงินก่อนตัดสินใจซื้อ โดยหากคุณกำลังมองหา ไฟแนนซ์รถ หรือ สินเชื่อเพื่อซื้อรถใหม่สักคัน สินเชื่อรถยนต์ใหม่ ทีทีบีไดรฟ์ มีโซลูชัน หรือสินเชื่อที่ตอบโจทย์คุณได้ ให้คุณรู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไว ภายใน 30 นาที ผ่อนได้นาน สูงสุด 84 เดือน และสมัครได้ง่าย ๆ  เพียงใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว (ลูกค้าทีทีบีไดรฟ์)

มาร่วมวางแผนชีวิตทางการเงิน เพื่อสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้นไปพร้อมกัน ด้วยเคล็ดลับทางการเงินดี ๆ ได้ที่ “fintips by ttb”เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจ 

การเงิน-หุ้น

ทีทีบี เร่งผลักดันช่วยลูกค้าบัญชีเงินเดือนได้พิชิตหนี้อย่างต่อเนื่อง มอบความรู้ทางการเงินควบคู่โซลูชัน มุ่งแก้ปัญหาหนี้ยั่งยืน

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เดินหน้าช่วยลูกค้าบัญชีเงินเดือนหลุดพ้นจากกับดักภาระหนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัญหาหนี้เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่เรื้อรังมานาน เห็นได้ว่าเป็นหนี้เร็ว เป็นหนี้เกินตัว เป็นหนี้นาน สุดท้ายเป็นหนี้เสีย และส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเรื่องการแก้หนี้หรือขาดความรู้ทางการเงิน

การบริหารจัดการหนี้ที่มีประสิทธิภาพทีทีบีจึงเปิดเวทีสัมมนาให้ความรู้ทางการเงินเพื่อสามารถวางแผนและบริหารจัดการทางการเงินแบบฉบับพนักงานเงินเดือน โดยมี “โค้ชหนุ่ม” Money Coach มาสร้างแรงบันดาลใจนำไปสู่สุขภาพทางการเงินที่ดี 

และแชร์เคล็ดลับการเงิน การบริหารจัดการหนี้ พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญจากทีทีบีมาแนะนำ“สวัสดิการพิชิตหนี้” โซลูชันที่ช่วยแก้ปัญหาหนี้และสิทธิพิเศษ เพื่อพิชิตหนี้ได้ไวขึ้น ตอกย้ำการเป็นธนาคารที่ต้องการให้พนักงานเงินเดือนมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้าน

นางสาวอุไรวรรณ วิญญายอง หัวหน้าบริหารสิทธิประโยชน์กลุ่มลูกค้าบัญชีเงินเดือน ทีเอ็มบีธนชาตเปิดเผยว่า ทีทีบีเร่งช่วยเหลือให้พนักงานเงินเดือนพิชิตหนี้ได้ไวขึ้นผ่านสวัสดิการพิชิตหนี้เพื่อช่วยกลุ่มลูกค้าบัญชีเงินเดือน ทีทีบี และลูกค้าองค์กรบริษัท จึงเดินหน้ามอบองค์ความรู้ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง จัดสัมมนาให้ความรู้และแนะนำโซลูชันทางการเงินแก่บุคลากรบริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด 

ซึ่งเป็นบริษัทผลิตกระป๋องอลูมิเนียมและฝาชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีนายสาโรช ชยาวิวัฒน์กุล เป็นกรรมการผู้จัดการ หนึ่งในพันธมิตรองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ในทิศทางเดียวกัน คือ มีความมุ่งมั่นส่งเสริมให้พนักงานได้รับสวัสดิการที่ดี และมีความรู้ในการบริหารจัดการการเงินของตนเองได้รอบด้าน

“ทีทีบีมองว่าพนักงานเงินเดือนแต่ละคนมีเงื่อนไขในการเป็นหนี้ที่ต่างกัน แต่หากมีความรู้ทางการเงินและเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการหนี้ส่วนบุคคล รวมถึงโซลูชันทางการเงินที่ให้ทั้งความรู้ในการบริหารจัดการหนี้ และสิทธิพิเศษมากมายอย่างสวัสดิการพิชิตหนี้ที่จะเข้ามาช่วยจัดการปัญหาทางการเงิน 

อาทิ ตรวจสุขภาพทางการเงิน ฟรี เพื่อวัดระดับสุขภาพทางการเงิน การเรียนรู้ตามอาการด้วยคอร์สการเงินออนไลน์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เน้นการเพิ่มภูมิคุ้มกันหนี้ และรักษาปัญหาหนี้ และตัวช่วยสินเชื่อสวัสดิการรวบหนี้ สิทธิพิเศษสำหรับองค์กรบริษัทที่ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) 

ซึ่งจะมีสินเชื่อสวัสดิการอเนกประสงค์ ทีทีบี แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (ttb welfare loan) เป็นโซลูชันเพื่อช่วยรวบหนี้ด้วยดอกเบี้ยเริ่มต้น 7.99% ต่อปี ผ่อนสบาย ๆ แบบลดต้นลดดอก วงเงินกู้สูงสุด 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน หรือ รวบหนี้ด้วยบ้านหรือรถเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

ได้แก่ สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ สินเชื่อบ้านแลกเงิน ทีทีบี เคลียร์หนี้ สินเชื่อรถแลกเงิน ทีทีบีไดรฟ์ ดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อแบ่งเบาภาระหนี้ เสริมสภาพคล่องให้ชีวิตได้มากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสวัสดิการที่ดีขึ้นให้บุคลากรของบริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด มีความสุขได้แม้ยังมีหนี้” 

นอกจากนี้ ในงานสัมมนาพิเศษเสริมความรู้ทางการเงิน ได้เชิญนายจักรพงษ์ เมษพันธุ์ หรือ โค้ชหนุ่มโค้ชการเงิน เจ้าของเพจ Money Coach และมีผลงานพัฒนาหลักสูตรการเงินมากมาย มาร่วมแชร์แนวทางการวางแผนและบริหารจัดการทางการเงินการจัดการรายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย การลดภาระหนี้ รวมถึงการวางแผนการออมเพื่อให้มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอีกด้วย

ทีทีบีเน้นย้ำพันธกิจการตั้งเป้าหมายช่วยคนไทยพิชิตหนี้ให้ไวขึ้นและพิชิตหนี้อย่างยั่งยืนผ่านโซลูชันรวม 200,000 ราย ภายใน 3 ปี โดยยึดหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) 

พร้อมรุกขยายพันธมิตรกับหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชนต่าง ๆ ที่มีเจตนารมณ์เดียวกันในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตทางการเงินและสวัสดิการให้กับพนักงานในองค์กรได้รับโซลูชันทางการเงินและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เหนือกว่า 

เพื่อตอกย้ำการเป็นมากกว่าบัญชีเงินเดือนทั่วไป ทั้งนี้หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชน ที่สนใจโซลูชันผลิตภัณฑ์และสิทธิพิเศษสำหรับพนักงานเงินเดือน เพื่อเป็นสวัสดิการที่เสริมสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับพนักงานในองค์กร 

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ทีทีบีทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.ttbbank.com/prnews-payrollphichitnee

การเงิน-หุ้น

finbiz by ttb แนะเทรนด์ผู้บริโภคในอนาคต “กิน-ใช้” อย่างไร สร้างโอกาสให้ธุรกิจ

ในปัจจุบันต้องยอมรับว่า Trend และ Future Insight คือหัวใจสำคัญของธุรกิจยุคใหม่ที่ใช้ขับเคลื่อนการเติบโตสู่อนาคต ผู้บริโภคคนไทยได้เห็นข่าวสารการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ข้ามชาติ รู้กระแสความยั่งยืนที่เข้ามากระทบ รวมไปถึงการได้ใช้งานแพลตฟอร์มที่มาจากต่างประเทศ จึงมีความคาดหวังว่าจะได้รับบางอย่างจากผู้ประกอบการไทยด้วย

finbiz by ttb จึงขอแนะเทรนด์อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภค และพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับ SME นำไปต่อยอดสร้างโอกาสทางธุรกิจ

รู้ทัน…ความคาดหวังผู้บริโภค

ความคาดหวังของผู้บริโภคจะส่งผ่าน 9 มิติของการใช้ชีวิต (9-Life Dimensions) จากค่านิยม 3 เรื่อง ได้แก่ 1) เศรษฐกิจตามใจ อยากได้อะไรต้องได้ ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งเป็นผลพวงจาก Technology Disruption

2) ยอมจ่ายแพง เพื่อแลกกับประสบการณ์แปลกใหม่ ไม่เน้นการถือครองสินทรัพย์ และ 3) นิยมการเช่ามากกว่าเป็นเจ้าของ ค่านิยมนี้เริ่มขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศ ซึ่ง 9 มิติของการใช้ชีวิต จะนำมาสู่ความคาดหวังของผู้บริโภคว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2030 ดังนี้

1. มิติด้านที่พักอาศัย มีอาณาเขตของตัวเองในที่พักอาศัย แต่เชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยี ครอบครัวไซส์เล็กสร้างความสัมพันธ์ผ่านโลกเสมือนยอมแลกความเป็นส่วนตัวเพื่อความสะดวกที่เพิ่มขึ้นและมีหุ่นยนต์เป็นผู้ช่วยภายในบ้าน

2. มิติด้านการทำงาน ทำงานเพื่อปลดล็อกศักยภาพการทำงานได้สูงสุด มีวัฒนธรรมการร่วมมือ ความแตกต่างหลากหลายที่เปิดเข้าหากัน ทำงานได้หลายหน้าที่ และเข้าถึงทุกที่ สายบังคับบัญชาที่ลดน้อยลง เน้นกระจายอำนาจ เลือกทำงานเฉพาะที่ถนัด ร่วมมือกับหลายแห่ง

3. มิติด้านการบริโภค บริโภคตามความต้องการ และให้ความสำคัญกับคุณค่าของประสบการณ์ ผู้บริโภคเริ่มไม่ยึดติดแบรนด์อิทธิพลจากสังคม การรีวิว การให้เรตติ้ง มีความสำคัญต่อการตัดสินใจรวมถึงการบริโภคแบบร่วมแบ่งปัน เพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

4. มิติด้านการเงิน เงินสดรูปแบบใหม่ที่เข้าถึงได้ การทำธุรกรรมการเงินที่ราบรื่น ใช้เงินโดยไม่ต้องจับเงิน (Cashless) มีความเสี่ยงของค่าเงินจากการมีผู้ออกเงินตราเพิ่มขึ้น

5. มิติด้านการเรียน การเรียนรู้เพื่อนำไปใช้ได้จริง ใช้ได้ทันที และสามารถเปลี่ยนเป็นรายได้ ความรู้พร้อมใช้ การเรียนรู้แบบร่วมมือผ่านเทคโนโลยี วางแผนความก้าวหน้าในเส้นทางเฉพาะบุคคล

6. มิติด้านการเข้าสังคม การมีหลากหลายอัตลักษณ์ในหลายบทบาท ทั้งในโลกความเป็นจริงและโลกเสมือน สังคมแตกเป็นกลุ่มย่อย ความเป็นชาติจางลง ความเป็นกลุ่มชัดขึ้น ตื่นตัวด้านความมั่นคงและความปลอดภัยทางไซเบอร์ ความสำเร็จทางสังคมคือการเติมเต็มตัวตน ผู้บริโภคต้องมีส่วนร่วมในการสร้างสินค้าและบริการ

7. มิติด้านการใช้เวลาว่างและดูแลจิตใจ ผู้คนจะโหยหาสัมผัสของความเป็นมนุษย์ เห็นคุณค่าการใช้ชีวิตที่เนิบช้า ให้คุณค่าความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และการสร้างประสบการณ์แบบเสมือนจริง

8. มิติด้านการเดินทาง การเดินทางที่ต่อเนื่องไร้รอยต่อ สามารถคาดการณ์ได้ และรูปแบบการเดินทางที่ไม่ต้องเสียเวลาระหว่างทาง

9. มิติด้านการดูแลสุขภาพ มีส่วนร่วมในการจัดการกับสุขภาพของตนเอง คือ การปลดล็อกขีดจำกัดความเป็นมนุษย์และเทคโนโลยี ที่เพิ่มสมรรถนะความคิดและความทรงจำ ติดตามสถานะร่างกายตนเองแบบเรียลไทม์ และวินิจฉัยโรคด้วยตนเองผ่านอุปกรณ์ Wearable

เทรนด์ธุรกิจอาหารอนาคต 2025

แนวโน้มการบริโภคอาหารของผู้คนในอนาคตจะผูกพันกับ 3 เรื่องใหญ่ 1) กินเพื่อสุขภาพ พัฒนาไปสู่อาหารการกินเพื่อสุขภาพ 2) กินเพื่อเข้าถึงประสบการณ์ “อยู่เพื่อกิน” เน้นเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ ๆ และ 3) กินเพื่อโลก การอุปโภคบริโภคที่ทำร้ายโลกน้อยที่สุด ซึ่งนำไปสู่แนวโน้มธุรกิจอาหารแห่งอนาคต ภายใต้ 6 ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ดังนี้

1. กินเพื่อสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ โภชนาการเฉพาะบุคคล เช่น Medical Food ในรูปแบบเจลลี่เสริมสารอาหารหรือ ไอศกรีมที่กินก่อนนอน ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น และอาหารประเภทหมักดองมาแรง เช่น เจลลี่คอมบูชาที่อุดมด้วยพรีไบโอติกส์

2. กินเพื่อรับประสบการณ์แปลกใหม่ มื้อแปลกเกินจินตนาการ เช่น ชานมไข่มุกท็อปปิ้งด้วยหมูสามชั้น

3. กินเพื่อเสพเรื่องราวและอัตลักษณ์ การนำวัตถุดิบท้องถิ่น เช่น ไข่ผำของภาคเหนือและภาคอีสานนำมาใส่ในเมนูอาหาร ต่างชาติเรียกว่าเป็นไข่ปลาคาเวียร์เขียว หรือ โกจิโซจู ผสมสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา เป็นแอลกอฮอล์ที่ดีต่อสุขภาพ

4. กินเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้โลกดีขึ้น เช่น ขนมขบเคี้ยวที่ผลิตด้วยกระบวนการที่ประหยัดน้ำ ผงแมลงที่ช่วยเพิ่มโปรตีนในอาหาร และ Plant-Based Meat ที่มีความเหมือนเนื้อสัตว์และอร่อยยิ่งกว่าเดิม

5. สร้างความมั่นใจ ปลอดภัย สะดวก และประสิทธิภาพสูงในการกิน Food Tech มาในรูปแบบ Smart Packaging เช่น บรรจุภัณฑ์ที่มีฉนวนกันความร้อนจากกระดาษแข็งที่นำมารีไซเคิลได้ หรือการใช้ 3D Printing มาออกแบบอาหารที่ง่ายต่อการกลืนของผู้สูงอายุ

6. กินเพื่อให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น กินแล้วสวย ควบคุมน้ำหนักได้ เช่น นำคอลลาเจนมาเป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น

เปลี่ยนเทรนด์เป็นกลยุทธ์ธุรกิจ

เมื่อเจาะลึกไปยังเทรนด์ธุรกิจเครื่องดื่ม อาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภค ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคตที่ผู้บริโภคคนไทยให้การตอบรับ สามารถนำไปวางเป็นกลยุทธ์ของธุรกิจได้ดังนี้ 

·      โฟกัสเรื่องสิ่งแวดล้อมหรือการใช้ซ้ำ ผลิตภัณฑ์กระบวนการผลิต ควรออกแบบให้ตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน และสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าองค์กรธุรกิจหรือแบรนด์ตระหนักและทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง

·      ตอบโจทย์ความต้องการด้านการดูแลสุขภาพ ควรพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เติมเต็มการดูแลสุขภาพองค์รวม และความสามารถในการวินิจฉัยโรคด้วยตนเอง เช่น Personalized Nutrition ที่มีการตรวจประเมินสุขภาพด้วยตนเอง และมีคำแนะนำเกี่ยวกับอาหารที่ควรกินเพื่อสุขภาพที่ดี

·      บอกเล่าเรื่องราวอันเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่น ผ่านอาหารและเครื่องดื่ม และตอบโจทย์การกินให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น

·    ต่อยอดความครบวงจร ต่อยอดสินค้าและบริการให้เกิดความครบวงจรกับชีวิตของลูกค้า เพื่อเพิ่มรายได้ที่มากขึ้น รวมถึงการจับจ่ายที่ตอบสนองผู้บริโภคอย่างครบวงจรในทุกพื้นที่ เช่น การรับชำระเงินที่หลากหลาย ครบทุกความต้องการ โดยทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ธนาคารก็รองรับ

และเข้าถึงได้ง่าย เช่น การติดตั้งเครื่องรูดบัตรเครดิตและบัตรเดบิต หรือ ttb smart shop ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระเงินได้ด้วย QR Code และยังมีรายงานวิเคราะห์ข้อมูลภาพรวมร้านค้า สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยตอบสนองและต่อยอดในแง่ของบริการ สร้างความประทับใจได้ดียิ่งขึ้น

·      ใส่ใจบริหารมุมมองความคิดเห็นของสังคมผู้บริโภค โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ เพราะผู้บริโภคจะเลือกสินค้าและบริการ โดยให้น้ำหนักกับมุมมองความคิดเห็นของสังคมหรือบุคคลที่เคยใช้ มากกว่าข้อมูลจากแบรนด์

จากเทรนด์และกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ finbiz by ttb หวังว่าผู้ประกอบการจะสามารถวางแผนธุรกิจเพื่อพิชิตใจผู้บริโภคคนไทย และเปิดประตูเข้าไปนั่งในหัวใจผู้บริโภคในตลาดโลกได้ไม่ยากนัก

ที่มา: งานสัมมนา finbiz connect the future for growth เชื่อมเทรนด์ธุรกิจอนาคต สู่กลยุทธ์การเติบโตยั่งยืน โดย finbiz by ttb

การเงิน-หุ้น

ช้อปของแต่งบ้านด้วยบัตรเครดิต ttb รับคืนสุดคุ้ม ช้อปครบล้าน รับเครดิตเงินคืนเพิ่มสูงสุด 15,000 บาท

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มอบประสบการณ์ดี ๆ ให้กับคนรักบ้าน เมื่อใช้บัตรเครดิต ttb ช้อปสินค้าแต่งบ้านในแคมเปญ “มหกรรมช้อปของแต่งบ้านสุดคุ้ม” รับเครดิตเงินคืนเพิ่มสูงสุด 15,000 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมแบบชำระเต็มจำนวนตลอดรายการ ครบ 1,000,000 บาทขึ้นไป 

ณ ร้านเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำที่ร่วมรายการ ที่สาขาและช่องทางออนไลน์ ได้แก่  ARKITEKTURA TONSON SHOWROOM, CHANINTR, CHIC REPUBLIC, RINA HEY, ASHLEY, EURO CREATIONS, GRANDHOME, HOMEPRO, IKEA, INDEX LIVING MALL, MODERNFORM, NOCNOC, SB DESIGN SQAURE, SCG 

และ บุญถาวร ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2567 – 31 กรกฎาคม 2567 นี้ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ทุกหน้าบัตรเพียงครั้งเดียวตลอดรายการ ผ่านแอป ttb touch หรือส่ง SMS พิมพ์ HOME ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4806026

ทีทีบีมุ่งส่งเสริมให้ลูกค้าวางแผนใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น และผ่อนชำระคืนไหว เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของโปรโมชันนี้ได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/cc/pro

การเงิน-หุ้น

Roddonjai แนะ 8 เคล็ดลับ ดูแลรักษาและยืดอายุรถ ให้คงสภาพใหม่เหมือนรถป้ายแดง

แม้ขึ้นชื่อว่าเป็น “รถยนต์มือสอง” แต่เชื่อว่าเจ้าของรถส่วนใหญ่ก็อยากให้รถคู่ใจดูใหม่เหมือนรถป้ายแดง สภาพเครื่องยนต์มั่นใจได้ในทุกการขับขี่ ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ต้องหมั่นดูแลและตรวจเช็กสภาพรถทั้งภายในและภายนอกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยยืดอายุรถ และคงสภาพรถให้ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน

Roddonjai แนะ 8 เคล็ดลับที่จะช่วยดูแลสภาพรถให้มีความพร้อมใช้งาน และมีความสวยงามไม่ต่างจากรถใหม่ ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้

1.   เลือกศูนย์บริการที่มีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ รถที่ยังมีประกันศูนย์เหลือ แนะนำให้เข้าศูนย์บริการแห่งเดียว เพื่อความต่อเนื่องของการดูแล ส่วนรถที่พ้นระยะเวลารับประกันศูนย์แล้ว หากเป็นไปได้  แนะนำให้ใช้บริการต่อ เพื่อให้ช่างที่มีทั้งความชำนาญ และประสบการณ์ ได้ดูแลอย่างต่อเนื่อง แต่หากตัดสินใจจะใช้บริการตามอู่ หรือร้านรับซ่อมทั่วไป ต้องมั่นใจในฝีมือของช่าง เพราะช่างซ่อมรถก็มีความเชี่ยวชาญในรถแต่ละประเภทแตกต่างกันไป

2.   เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก ควรดำเนินการให้ตรงตามรอบเวลา และควรเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องไปพร้อมกันด้วยจะดีกว่ารอเปลี่ยนตามสภาพของอุปกรณ์เหล่านั้น (ระยะเวลาการเปลี่ยนอุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถตรวจสอบได้จากคู่มือประจำรถ)

3.      หมั่นเช็ดล้างทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในตัวรถอยู่เสมอ และควรเช็ดล้างทำความสะอาดทันทีหากตัวรถสัมผัสกับมูลนก ยางไม้บางชนิด หรือน้ำที่เกิดจากการล้างทำความสะอาด น้ำปูน หรือน้ำที่มาจากไซต์งานก่อสร้าง

4.      ลงแว็กซ์หรือน้ำยาขัดเคลือบรักษาสีและตัวถัง หรือซื้อบริการเคลือบแก้ว เพื่อถนอมสีและตัวถังให้ดูใหม่อยู่เสมอ

5.   ควรจอดรถในร่ม หากจำเป็นต้องจอดกลางแจ้ง ควรลดระดับกระจกลงไว้เล็กน้อยเพื่อให้ความร้อนระบายออก และควรมีอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยลดความร้อนแรงของแสงแดดที่ส่องมายังคอนโซลรถ เช่น ติดฟิล์มกระจกด้วยความเข้มเพียงพอรอบคัน กางร่มกันแดดภายในรถ ติดตั้งเต็นท์จอดรถแบบพับเก็บได้ หรือหลังคาบังแดดรถแบบไม่มีขาตั้ง เป็นต้น

6.   ล้างห้องเครื่องยนต์ อย่างน้อยปีละครั้ง นอกจากจะเป็นการทำความสะอาดเพื่อให้อุณหภูมิการขับขี่ต่ำลงแล้ว ยังช่วยตรวจสอบได้ว่ามีชิ้นส่วนใดที่ชำรุดเสียหายหรือไม่

7.   ตรวจสอบยางรถยนต์ อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้งด้วยการตรวจสอบระดับลมยาง โดยเติมความดันลมยางตามคู่มือรถกำหนด  จะได้ทั้งความปลอดภัยและยังช่วยเรื่องการประหยัดน้ำมันอีกด้วย

8.      ขับขี่ด้วยความนุ่มนวล ไม่ออกตัวแบบกระชาก ไม่กดกระแทกแป้นเบรก ไม่กดแป้นคันเร่งแบบย้ำ ๆ ไม่หักพวงมาลัยจนสุด ไม่ขับขี่เร็ว เพื่อให้มีระยะเบรกที่เหมาะสมและเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่

ทั้งนี้ รถที่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นรถที่มีสภาพดีพร้อมใช้งาน ทำให้ผู้ขับขี่มีแต่ความสบายใจ นำไปขายต่อก็ได้ราคา ไม่ขาดทุน 

สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถมือสองคุณภาพป้ายแดง ต้องไม่พลาด www.roddonjai.com แพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถมือสองที่ได้คุณภาพ มีรถให้เลือกมากมาย หลากหลายประเภทที่จะช่วยให้คุณเป็นเจ้าของรถที่โดนใจ ในราคาสบายกระเป๋า แถมยังมั่นใจในการใช้งาน เพราะรถทุกคันผ่านการตรวจเช็กสภาพรถยนต์อย่างละเอียดสูงสุดถึง 274 จุด

ปัจจุบันมีรถมือสองในระบบให้เลือกมากกว่า 13,000 คัน จากพันธมิตรดีลเลอร์เต็นท์รถชั้นนำกว่า 3,000 รายทั่วประเทศ ที่คัดมาให้แต่รถโดน ๆ ด้วยหมวดรถพิเศษโดนใจ ทั้งรถวารันตีเหลือ ที่สามารถใช้วารันตี ที่ยังเหลืออยู่ นำรถเข้าศูนย์จัดการทุกปัญหาได้อย่างหมดห่วง 

รถผู้บริหารวิ่งน้อย รถพรีเมียม สภาพดีเยี่ยม ผ่านการตรวจสอบบำรุงดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ รถ 5 ดาวอายุไม่ถึง 5 ปี รถคัดมาให้พิเศษ อายุน้อยไม่ถึง 5 ปี การันตี 5 ดาว คุณภาพดี ราคาโดน รถเทสจากโชว์รูม รถเทส รถโชว์ รับตรงจากโชว์รูม

อายุน้อยไม่เกิน 2 ปี สภาพใหม่เหมือนป้ายแดง หรือ รถนางฟ้าเช็กแต่ศูนย์ รถประวัติดี ดูแลดี เช็กศูนย์ตลอด คุณภาพ Top Grade ทำให้มั่นใจได้อย่างเต็มร้อยกับสภาพและสมรรถนะของรถ รวมถึงรถบ้านเจ้าของขายเอง  รถคุณภาพดีในราคาโดนใจที่ผู้ซื้อกับผู้ขายติดต่อกันได้โดยตรง

การเงิน-หุ้น

ทีทีบี เดินหน้ามอบความคุ้มครองฟรีให้ทุกครอบครัว ด้วยบัญชี ttb all free ไม่อยากให้คนไทยเสียโอกาสดี ๆ ด้วยคำว่า “ไม่มีประกัน ก็ต้องจ่ายเอง!”

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มุ่งมั่นให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการมีประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและคุ้มครองชีวิตไว้ดูแลตนเองและครอบครัว เพราะทุกแผลที่ได้มาอาจจะทำให้เสียโอกาสดี ๆ บางอย่างไป เพราะเสียค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาล

ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ต้องเอาเงินที่เตรียมไว้ทำอย่างอื่นมาเป็นค่าใช้จ่ายแทน ดังนั้นเพื่อให้ทุกครอบครัวมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้ ทั้งวันนี้และในอนาคต เพียงแค่เปิดบัญชี ttb all free พร้อมฝากเงินเริ่มต้น 5,000 บาท เท่ากับทุกครอบครัวจะมีประกันอุบัติเหตุฟรี

มีวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงสุดถึง 3 ล้านบาท เบิกค่ารักษาได้ไม่จำกัดครั้ง ค่ารักษาถึงแม้จะเล็กน้อย แต่หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็อาจจะทำให้เสียโอกาสบางสิ่งไป เมื่อมีบัญชี ttb all free จึงหมดห่วงไปกับการจ่ายในสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น สามารถนำเงินไปใช้เพื่อความสุขของตัวเองและคนที่รัก

ทีทีบีเข้าใจปัญหาของคนจำนวนมากที่ “ไม่มีประกัน ต้องจ่ายเอง” เพราะแม้จะอยากมีประกัน แต่ก็ยังกังวลกับค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายในแต่ละปี รู้สึกว่าการมีประกันเป็นการเพิ่มภาระรายจ่าย แต่สุดท้ายต้องนำเงินที่เตรียมไว้ใช้จ่ายเพื่อความสุขของตนเองหรือคนที่รัก

มาใช้จ่ายกับค่ารักษาพยาบาล เพราะไม่มีประกัน วันนี้ บัญชี ttb all free เป็นบัญชีเดียวที่มอบความคุ้มค่ารอบด้านสูงสุดให้กับผู้ฝากเงิน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม มีประกันที่ให้ความคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาลที่เบิกได้ไม่จำกัดครั้ง และวงเงินคุ้มครองชีวิต

โดยไม่ต้องเสียค่าเบี้ยประกันแม้แต่บาทเดียว จึงมีเงินไปใช้ชีวิตได้มากกว่าเดิม เปรียบเสมือนเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน ถือเป็นสิทธิประโยชน์ที่เจ้าของบัญชีจะได้รับอย่างแท้จริง ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียโอกาสดี ๆ ที่วางแผนไว้ เพียงเพราะต้องนำเงินไปใช้จ่ายกับค่ารักษาพยาบาล

ส่วนครอบครัวก็มีหลักประกันที่ให้ความอุ่นใจหากต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เงินชดเชยที่จะได้รับจะช่วยให้การจัดการด้านการเงินของครอบครัวสามารถดำเนินต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง หลังสูญเสียหัวหน้าครอบครัวหรือผู้ที่หารายได้หลักของบ้านไป

ทุกครอบครัว มีความอุ่นใจด้วยประกันอุบัติเหตุฟรีได้ เพียงเปิดบัญชี ttb all free และคงเงินฝากไว้ในบัญชีตลอดเดือนไม่น้อยกว่า 5,000 บาททุกวัน ตลอดทั้งเดือน รับสิทธิ์เบิกค่ารักษาฟรีจากอุบัติเหตุได้สูงสุด 3,000 บาท / อุบัติเหตุ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง 

ไม่ต้องเอาเงินมาสำรองจ่ายก่อน แถมยังมีเงินก้อนไว้เป็นหลักประกันให้คนในครอบครัว ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิต 20 เท่าของเงินฝาก สูงสุด 3 ล้านบาท ได้รับความคุ้มครองฟรี ๆ ต่อเนื่องได้ทุกเดือนไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยใด ๆ เพิ่มแม้แต่บาทเดียวซึ่งที่ผ่านมา

ทีทีบีได้มอบความคุ้มครองให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 2.2 ล้านรายเปิดบัญชี ttb all free ได้ง่ายและรวดเร็ว ที่แอป ttb touch  หรือที่ ทีทีบี ทุกสาขา ทั่วประเทศ เปิดบัญชี พร้อมฝากเงิน รับความคุ้มครองทันที  รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://www.ttbbank.com/allfree

การเงิน-หุ้น

ทีเอ็มบีธนชาต คว้า 4 รางวัลยอดเยี่ยมระดับเอเชียจากเวที “Asian Excellence Award 2024” ตอกย้ำความโปร่งใสและธรรมาภิบาลที่ดีในการดำเนินธุรกิจ

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ตอกย้ำด้านความโปร่งใส การปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี ในการสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนให้ผู้ถือหุ้นสามารถเข้าถึงข้อมูล และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง ครบถ้วน เพียงพอ และทันเวลา  ทั้งยังจัดกิจกรรมนักลงทุนสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ

เพื่อสร้างความเข้าใจ ฉายภาพกลยุทธ์แผนการดำเนินธุรกิจ ไปยังนักลงทุน ผู้จัดการกองทุน นักวิเคราะห์ รวมถึงสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย มั่นใจถึงความโปร่งใสและมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น 

นางสาวสมคิด ปรีชาสัมมกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน ทีเอ็มบีธนชาต รับมอบ 4 รางวัลยอดเยี่ยมระดับเอเชียจากเวที “Asian Excellence Award 2024” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้รับรางวัลนี้ ประกอบด้วย รางวัลประเภทบุคคล 3 รางวัล ได้แก่ “รางวัลซีอีโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย” (Asia’s Best CEO) มอบให้ นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต

จากความสำเร็จในการวางกลยุทธ์การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืนผ่านกรอบแนวคิด B+ESG ที่ผสมผสาน B (Business) เข้ากับ ESG (Environment, Social และ Governance) เป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าของธนาคารดำเนินชีวิตหรือธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนอย่างแท้จริง ภายใต้ปรัชญา Make REAL Change เปลี่ยน… เพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น

เพราะเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจและความยั่งยืนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ทุกกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารจึงต้องอยู่บนพื้นฐานของการสร้างการเติบโตและความยั่งยืน ครอบคลุมทั้งด้านธุรกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม รวมถึงการกำกับดูแลที่ครบถ้วน การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ  ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบ

ส่งผลให้นักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบันในประเทศและต่างประเทศเชื่อมั่น “รางวัลซีเอฟโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย” (Asia’s Best CFO) มอบให้ นางสาวสมคิด ปรีชาสัมมกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน ทีเอ็มบีธนชาต จากความสำเร็จในการบริหารการเงินอย่างโปร่งใส มุ่งสร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น

และ “รางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย” (Best Investor Relations Professional) มอบให้ นางสาวดารารัตน์ อุระพันธมาศ หัวหน้านักลงทุนสัมพันธ์ จากความสำเร็จในการสร้างกิจกรรมนักลงทุนสัมพันธ์ และรักษาความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและผู้ถือหุ้นสม่ำเสมอ สุดท้าย คือ รางวัลประเภทองค์กร

ได้แก่ “รางวัลบริษัทนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย” (Best Investor Relations Company) ตอกย้ำความโปร่งใสและธรรมาภิบาลที่ดีในการดำเนินธุรกิจ สะท้อนความมุ่งมั่นของธนาคารในการสนับสนุนผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร ชุมชน และสังคม เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาวได้อย่างแท้จริง

รางวัล Asian Excellence Award จัดโดยนิตยสาร Corporate Governance นิตยสารด้านการเงินของฮ่องกงและเอเชีย เพื่อมอบให้แก่ผู้นำและองค์กรที่มีความเป็นเลิศด้านการบริหารองค์กร มีธรรมาภิบาล มีการจัดการทางด้านการเงินนักลงทุนสัมพันธ์ และดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมที่ดีในระดับสากล โดยพิจารณารางวัลจากข้อมูลองค์กรร่วมกับผลสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้ทรงคุณวุฒิ ทั่วภูมิภาคเอเชีย