ประกัน

สมาคมประกันชีวิตไทยจัดสัมมนาวิชาการ “Financial Reinsurance (FIN RE)”

สมาคมประกันชีวิตไทย โดยคณะอนุกรรมการคณิตศาสตร์ประกันภัย จัดสัมมนาวิชาการ “Financial Reinsurance (FIN RE)” โดยได้รับเกียรติจาก Ms. Pei Xian Tan, Mr. Richard Whiteoak, Mr. Randy Changจาก Swiss Re Asia Pte. Ltd. เป็นวิทยากรเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับบุคลากรในธุรกิจ

เกี่ยวกับประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกันภัยต่อของบริษัทประกันชีวิต พ.ศ. ๒๕๖๖ ที่ได้เพิ่มเติมหลักการให้บริษัทประกันชีวิตสามารถทำสัญญาประกันภัยต่อทางการเงิน (Financial Reinsurance)

หรือสัญญาประกันภัยต่อแบบจำกัด (Finite Reinsurance) ได้ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติได้จริงอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ และเป็นประโยชน์กับการดำเนินงานของบริษัท โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการประกันภัยต่อของบริษัทประกันชีวิต

โดยมีคุณรสพร อัตตวิริยะนุภาพ ประธานคณะอนุกรรมการคณิตศาสตร์ประกันภัย เป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนา ณ ห้องประชุม 701 ชั้น 7 สมาคมประกันชีวิตไทย เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567

ประกัน

วิริยะประกันภัย ร่วมสนับสนุน สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ มอบทุนการศึกษาบุตร – ธิดา ปี 67

นางสาวดวงพร อุดมทิพย์ นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ รับมอบทุนสนับสนุนโครงการทุนการศึกษาบุตร – ธิดา และสวัสดิการสมาชิก สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ประจำปี 2567 จำนวน 50,000 บาท จาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)

โดยมี นายพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นผู้แทนบริษัทฯ มอบ เพื่อเป็นสวัสดิการครอบครัวคนข่าวและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่สมาชิกของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ โดยพิธีมอบทุนฯ จัดขึ้น ณ ชั้น 6 โรงภาพยนตร์เมเจอร์ รัชโยธิน.

สำหรับโครงการดังกล่าว สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจได้ดำเนินการจัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้มีผู้ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 67 ทุน ทุนละ 6,000 บาท แบ่งเป็น ระดับอนุบาล จำนวน 6 ทุน, ระดับประถมศึกษา จำนวน 33 ทุน และระดับมัธยมศึกษา จำนวน 28 ทุน เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ภาระค่าครองชีพปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อรายได้ในการดำรงชีพของผู้ปกครอง

ทางสมาคมฯ จึงได้มีการจัดหาระดมทุนเพื่อเป็นสวัสดิการและช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ครอบครัวคนข่าวในด้านการศึกษาของบุตร – ธิดา อีกทั้งเล็งเห็นถึงความสำคัญและเพื่อช่วยให้เด็ก เยาวชนของชาติ มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ต่อสังคมในการตั้งใจเรียน และเรียนรู้การเป็นผู้ให้ต่อไปในอนาคต.

ประกัน

OCEAN LIFE ไทยสมุทร ส่งประกันสะสมทรัพย์ “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท โกล 5/3”

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) เผยว่าในวาระ 75 ปีของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร เรามุ่งใช้ศักยภาพทุกด้านช่วยลูกค้าทุกคนก้าวสู่โลกยุคใหม่ด้วยความมั่นใจ

พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนรอบด้าน โดยเฉพาะในสภาวะที่โลกการเงินการลงทุนเต็มไปด้วยความผันผวน ทางออกที่ดีคือการเตรียมพร้อมปรับเปลี่ยนให้ทันท่วงทีเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ที่ดีที่สุด ทำให้คนส่วนใหญ่มองหาทางเลือกในการออมเงินและการลงทุนระยะสั้นในรูปแบบประกันชีวิต

ด้วยเหตุนี้ OCEAN LIFE ไทยสมุทร จึงได้ส่งแบบประกันสะสมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้ที่มองหาความพร้อมทุกโอกาสในการสร้างเงิน ด้วย “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท โกล 5/3”  ที่ให้ครบทั้งความคุ้มครองชีวิต และมีเงินคืนระหว่างสัญญา จ่ายเบี้ยประกันสั้น ๆ เพียง 3 ปี ให้ความคุ้มครอง 5 ปี

ระหว่างปีกรมธรรม์ที่ 3 – 5 รับความคุ้มครองชีวิตสูงสุด 300% พร้อมเงินคืน 2.5% ระหว่างสัญญา ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 – 4 และเมื่อครบกำหนดสัญญารับเงินก้อน 310% รวมรับเงินผลประโยชน์ตลอดอายุสัญญาสูงสุด 320%

โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท โกล 5/3” สามารถขอทำสัญญาเพิ่มเติมได้ทั้งสัญญาคุ้มครองสุขภาพ สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองโรคร้ายแรง สัญญาเพิ่มเติมค่าชดเชยรายได้รายวัน หรือสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองอุบัติเหตุ ชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายปี รับประกันภัยบุคคลอายุตั้งแต่ 30 วัน – 75 ปี  รายละเอียดแบบประกันเพิ่มเติม คลิกhttps://oceanlifeth.co/DsLET3Xt

OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรมายาวนาน 75 ปี โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตมากที่สุด 

เราพร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503

ประกัน

เอไอเอ ประเทศไทย ครองอันดับ 1 รางวัลคุณวุฒิตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ (National Agent Awards) ครั้งที่ 24 ประจำปี 2567

เอไอเอ ประเทศไทยคว้ารางวัลอันดับ 1 คุณวุฒิตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ (National Agent Awards) หรือ NAA ครั้งที่ 24 ประจำปี 2567 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน (THAIFA) ซึ่งในปีนี้มีพลังตัวแทนเอไอเอ พิชิตคุณวุฒิได้จำนวนมากถึง204 ท่าน จากทั้งหมด 355 ท่าน ซึ่งมาจาก 15 บริษัททั่วประเทศ 

ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของพลังตัวแทนเอไอเอ และความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ โดยพิธีมอบรางวัลได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ผู้ได้รับรางวัล ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ ในธีมงาน “Gateway to Success” 

ในการนี้ ผู้ได้รับรางวัล 10 อันดับสูงสุดของตัวแทนประกันชีวิตจากทั่วประเทศ เป็นพลังตัวแทนจากเอไอเอ มากถึง 7 ท่าน ซึ่งได้รับเกียรติจาก คุณชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)  เป็นประธานเปิดงานและให้เกียรติมอบถ้วยรางวัลให้แก่ 10 อันดับแรก 

ตลอดจนมีผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย คุณดำรงศักดิ์ ขุนทอง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารตัวแทนภูมิภาค 2 และคุณสลักจิต นิลประเสริฐศักดิ์  ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนช่องทางการขาย เข้าร่วมแสดงความยินดีกับผู้พิชิตคุณวุฒิอีกด้วย โดยผู้ได้รับรางวัลตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ ที่มีรายชื่ออยู่ใน 10 อันดับแรกมีดังต่อไปนี้

อันดับ 1 : คุณเพชรรัตน์ รงค์บัญฑิต เบี้ยประกัน 49,951,943 บาท

อันดับ 2 : คุณวิศรุต วิโรจน์ไพศาลกุล เบี้ยประกัน 47,275,279 บาท

อันดับ 4 : คุณรสริน โมคา เบี้ยประกัน 28,634,428 บาท

อันดับ 5 : คุณรัญชิตา พลฤทธิ์ เบี้ยประกัน 27,623,067 บาท

อันดับ 8 : คุณณัฐพล รุ่งเกียรติวงศ์ เบี้ยประกัน 22,184,817 บาท

อันดับ 9 : คุณตรีนพภูรี ศุภวงศ์วริศ เบี้ยประกัน 20,097,923 บาท

อันดับ 10 : คุณบดินทร์ รามศรี เบี้ยประกัน 19,350,388 บาท

ประกัน

TQR ติดจรวด! เปิดกำไร Q1/67 พุ่ง 30.51 ลบ. นิวไฮ อานิสงส์ประกันภัยต่อ Alternative-Traditional โตเด่น มั่นใจผลงานปี 67 ออลไทม์ไฮต่อเนื่อง

บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) ไม่มีแผ่ว! โชว์ผลงานไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 30.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.22% สร้างสถิติสูงสุดใหม่  อานิสงส์รายได้ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ Alternative-Traditional โตแรง  ฟากบิ๊กบอส “ชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์” มั่นใจผลงานปี 67 ออลไทม์ไฮต่อเนื่อง

จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ ร่วมกับ  TQM ALPHA ทั้ง ประกันภัยต่อสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล-Cyber-EV-D&O ขณะที่ บ.ร่วมทุน อัลฟ่าเซคฯ-อาร์สแควร์ฯ มีรายได้สม่ำเสมอ เตรียมพร้อมเข้าศึกษาลงทุน M&A ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก คาดชัดเจนปีนี้ หนุนผลงานโตแกร่ง

นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR)  เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567) มีกำไรสุทธิ 30.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.22% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 26.72 ล้านบาท และมีรายได้รวม 80.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.55% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 66.38 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่

สำหรับปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น มาจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) และธุรกิจนายหน้าประภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business)

“ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงทำผลงานเติบโตได้ตามเป้าหมาย จากการคิดค้นพัฒนา ผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประกันภัยต่อสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล จากการที่ภาครัฐส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศต่อเนื่อง

ประกอบกับผู้บริโภคมีความต้องการทำประกันภัยเพิ่มมากขึ้น ส่วนประกันภัยต่อการก่อการร้ายและภัยทางการเมือง (Political Violence) รวมถึงประกันภัยไซเบอร์ ของ บริษัท อัลฟ่าเซค จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุน มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน” นายชนะพันธุ์กล่าว

นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) กล่าวว่า บริษัทฯ ประเมินว่า ในปีนี้ น่าจะเป็นปีที่สามารถสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ จากการมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับ บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) (TQM) 

ทั้งประกันภัยต่อสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล,  ประกันภัยไซเบอร์, ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV), ประกันภัยความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหาร (Directors and Officers)

ขณะที่ ธุรกิจประกันภัยไซเบอร์ ที่ทำร่วมกับ บริษัท อัลฟ่าเซค จำกัด  ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน โดย TQR ถือหุ้นในสัดส่วน 30% เริ่มทยอยรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ จากฐานลูกค้าในกลุ่ม Software provider ,Manufacturing, Financial และ กลุ่มโรงพยาบาล เป็นต้น

และมีการขยายไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติม ในอนาคตยังสามารถขยายไปในประกันภัยด้าน Digital Asset ได้อีกด้วย ในส่วนของธุรกิจให้บริการ (Service) ของบริษัท อาร์สแควร์ จำกัด ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการแล้วจำนวน 4 ราย และอยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มเติมอีกประมาณ 3 ราย คาดว่า จะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

ทั้งนี้ TQR กำลังอยู่ระหว่างการเข้าศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ เพื่อเข้าลงทุน ในรูปแบบ M&A กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ คาดว่า จะเห็นความชัดเจน 1-2 ราย ภายในปีนี้

“เรามีการประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งภัยธรรมชาติ สภาพเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และ TQR ไม่เคยหยุดคิดค้น พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ และความต้องการของลูกค้าและคู่ค้าในปัจจุบัน

พร้อมทั้งมองหาโอกาสการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ และมั่นใจว่า ปัจจัยเหล่านี้ จะเป็นส่วนช่วยผลักดันให้รายได้เติบโตที่ระดับ 10% จากปีก่อน” นางยุพเรศกล่าวในที่สุด

ประกัน

4 สุดยอดตัวแทน กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต คว้ารางวัลตัวแทนยอดเยี่ยม จากงานรางวัลตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ (National Agent Awards) ประจำปี 2567

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย ดร.อุกฤษฎ์ ศรีดโรมนต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายตัวแทน และฝ่ายฝึกอบรมและพัฒนาฝ่ายจัดหน่าย ร่วมแสดงความยินดีกับ 4 สุดยอดตัวแทนของบริษัทฯ ที่คว้ารางวัลตัวแทนยอดเยี่ยม จากงานรางวัลตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2567 จัดขึ้นโดยสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน ภายใต้ธีม “Gateway To Success” ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ ถ.อรุณอัมรินทร์ กรุงเทพฯ

ตัวแทนของ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้ ได้แก่ คุณวริศา มณีธวัช ผลิตผลงาน FYP มากกว่า 9.6 ล้านบาท คุณปฐวี บุญวิไล ผลิตผลงาน FYP มากกว่า 7.6 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนที่ได้รับรางวัลและผลิตผลงาน FYP มากกว่า 5 ล้านบาท ได้แก่ คุณปัญจภัสร์ กิตติอักษณสิทธิ์ และ คุณธนพล นนทการ

ซึ่งคุณวุฒิดังกล่าวถือเป็นความภาคภูมิใจ และเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวแทนของบริษัทฯ ในการสร้างผลงานที่มีมาตรฐาน ในปี “2024 Year of Double Growth” พร้อมยกระดับให้ฝ่ายขายประสบความสำเร็จในอาชีพตั้งแต่เริ่มต้น จนก้าวสู่การเป็นนักขายมืออาชีพ ตามนโยบายหลักของบริษัทฯ ที่พร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

ประกัน

คปภ. ห่วงใยประชาชน-เกษตรกร แนะใช้ระบบประกันภัยบริหารความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ

จากกรณีที่ประเทศไทยตอนบนได้เกิดพายุฤดูร้อน เนื่องจากมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด

ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นหลายพื้นที่ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง โดยสร้างความเสียหายให้กับอาคาร บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย ตลอดจนผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่นั้น

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และมีความห่วงใยต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน รวมถึงเกษตรกรที่ปลูกพืชผลทางการเกษตร จึงขอให้ประชาชนและเกษตรกรให้ความสำคัญในการทำประกันภัยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการคุ้มครองความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ

 ทั้งนี้ การทำประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับอาคารนั้นมีทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับตามกฎหมาย โดยในส่วนของอาคารอยู่ภายใต้กฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งบังคับให้เจ้าของอาคาร ผู้ครอบครองอาคาร หรือผู้ดำเนินการ สำหรับอาคารชนิดหรือประเภทตามที่กำหนดในกฎกระทรวงฯ

ต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและจำนวนเงินเอาประกันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนดในกฎกระทรวงโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคาร

สำหรับอาคารของเอกชนที่จะต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงดังกล่าว ประกอบไปด้วย อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารชุมนุมคน โรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ รวมถึงป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายที่สูงจากพื้นดินตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป

หรือป้ายที่ติดหรือตั้งบนหลังคาหรือดาดฟ้าของอาคารหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 25 ตารางเมตรขึ้นไป จะต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามจะมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ดังนั้น สำนักงาน คปภ. จึงขอฝากให้เจ้าของอาคารหรือผู้ประกอบการตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัยในทรัพย์สินดังกล่าวด้วย เพราะหากไม่ทำประกันภัยภาคบังคับ นอกจากจะได้รับความเสียหายเมื่อเกิดอัคคีภัยแล้ว ยังอาจได้รับโทษถึงจำคุกและปรับในส่วนของกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองหรือความเกี่ยวเนื่องกับไฟไหม้

เช่น ประกันอัคคีภัย จะให้ความคุ้มครองตัวอาคาร เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน สต๊อกสินค้า เครื่องจักร และเครื่องตกแต่งที่ติดตั้งไว้กับตัวอาคาร โดยให้ความคุ้มครองไฟไหม้ ฟ้าผ่า และการระเบิดของแก๊สที่ใช้ทำแสงสว่างหรือประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัย 

ส่วนการประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย จะให้ความคุ้มครอง สิ่งปลูกสร้างหรือตัวอาคารใช้เป็นที่อยู่อาศัย (ไม่รวมฐานราก) ทรัพย์สินภายในบ้าน สิ่งที่ติดกับตัวอาคาร หรือเครื่องมือเครื่องใช้ภายในบ้าน โดยให้ความคุ้มครอง ไฟไหม้ฟ้าผ่า ระเบิด ภัยจากยวดยานพาหนะ ภัยจากอากาศยาน ภัยจากน้ำที่เกิดจากการรั่วซึมภายในอาคาร (ไม่รวมน้ำท่วม)

รวมถึงภัยธรรมชาติ 4 ภัย ได้แก่ ภัยน้ำท่วม ภัยลมพายุ ภัยลูกเห็บ และภัยแผ่นดินไหว ในขณะที่ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) จะให้ความคุ้มครองกว้างกว่าอัคคีภัย เช่น ไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ภัยจากยวดยานพาหนะ ภัยน้ำท่วม ภัยแผ่นดินไหว ภัยลมพายุ ภัยลูกเห็บ การโจรกรรมและอุบัติเหตุจากสาเหตุที่ไม่ได้ระบุไว้ในข้อยกเว้น เป็นต้น

สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชผลทางการเกษตร สามารถจัดทำประกันภัย ข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทุเรียน ลำไย เป็นต้น เพื่อนำระบบประกันภัยเข้ามาบริหารความเสี่ยงภัยที่เกิดจากภัยธรรมชาติได้อีกด้วยทั้งนี้หากมีข้อสงสัยเรื่องประกันภัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th

ประกัน

กรุงเทพประกันชีวิต ผนึก แบงก์กรุงเทพ จัดงาน Age of Happiness ส่งมอบคำขอบคุณลูกค้าให้ความไว้วางใจกว่า 20 ปี

เป็นเวลากว่า 20 ปีที่กรุงเทพประกันชีวิต และ ธนาคารกรุงเทพ ได้ร่วมกันให้บริการวางแผนความคุ้มครองและการออมผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต เพื่อสร้างความสำเร็จให้ลูกค้ากว่า 1.2 ล้านราย  จนเป็นที่มาของการจัดงาน Age of Happiness: Thank You Event for Our Valued Customers 

เพื่อแสดงความขอบคุณลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่ให้ความไว้วางใจให้ทั้งสององค์กรได้มีส่วนในการสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่น ให้บรรลุเป้าหมายของแต่ละครอบครัว โดยในงานได้รับเกียรติจากคุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงาน

พร้อมด้วยคุณโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารระดับสูงจากสององค์กรร่วมให้การต้อนรับลูกค้าที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรม ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา

 ความสำคัญของงาน Age of Happiness: Thank You Event for Our Valued Customers ยังตอกย้ำถึงพลังความร่วมมือระหว่างสององค์กรที่ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เหมาะสมให้กับลูกค้าจนเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้ามาอย่างยาวนานผ่าน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์

คือ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตพ Credit 1st สำหรับคุ้มครองสินเชื่อธุรกิจ และ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต Home 1st คุ้มครองสินเชื่ออยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ Gain 1st  ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และได้รับความไว้วางใจในการทำประกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ผมขอขอบคุณลูกค้าที่มอบความไว้วางใจให้ธนาคารกรุงเทพและกรุงเทพประกันชีวิต ได้ดูแลความมั่นคงและธุรกิจของครอบครัวของท่านตลอดมา และเราพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างเพื่อสนับสนุนลูกค้าทุกท่านให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินของครอบครัวและของธุรกิจ รวมถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดี” คุณชาติศิริกล่าว

และด้วยวิสัยทัศน์ของ ธนาคารกรุงเทพ ที่มุ่งเป็นธนาคารที่ให้บริการด้านการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ภายใต้เจตนารมณ์ที่จะเป็น เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน  ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความมั่นคงของครอบครัว การสั่งสมและส่งต่อ Wealth จากรุ่นสู่รุ่น

ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการสืบทอดธุรกิจของครอบครัว และเหนืออื่นใด ธนาคารยังมุ่งมั่นดูแลลูกค้าให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ในปีนี้จึงได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ายิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “3 Gens Solution” 

เช่น ผลิตภัณฑ์  Home 1st Extra ที่มีจุดเด่นในด้านการคุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย และการเตรียมความคุ้มครองไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่ครอบคลุมถึงค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยด้วย 44 โรคร้ายแรง  รวมทั้ง กรุงเทพประกันชีวิตยังมอบสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้าน

สำหรับลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ ภายใต้ BLA Happy Life Club เพื่อส่งมอบความสุขได้ในทุกวัน ด้วยแนวคิด Elevating Your Happiness โดยมีสิทธิประโยชน์ดีๆ ในทุกไลฟ์สไตล์  โดยเฉพาะด้านสุขภาพ

บรรยากาศภายในงานคับคั่งไปด้วยลูกค้าคนพิเศษ ที่แต่ละท่านสละเวลามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญ ที่ทั้งสององค์กรใส่ใจร่วมกันจัดขึ้นภายใต้บรรยากาศอันอบอุ่น โดยมีไฮไลท์คือช่วง Special Talk “เปิดมุมมองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่กับนาย ณภัทร เสียงสมบุญ” นักแสดงมากฝีมือ ที่มาร่วมสร้างความสดใสและแลกเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่

รวมทั้งแชร์เรื่องราวในฐานะพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ Gain1st มาต่อเนื่องหลายปี ทั้ง Gain1st 650  Gain1st Simple Gain1st 424 และ Gain1st 10/5 รวมทั้งยังเป็นลูกค้าตัวจริงของธนาคารกรุงเทพและกรุงเทพประกันชีวิต ซึ่งได้เลือกซื้อ Gain1st ผ่านโมบายแบงกิ้งของธนาคารกรุงเทพเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการออมด้วยเช่นกัน

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ ลูกค้ายังได้รับฟังบรรยายพิเศษในหัวข้อ เคล็ดลับสู่ความมั่งคั่งเมื่อฮวงจุ้ยโลกเข้าสู่ยุค 9  โดย “อาจารย์มาศ เคหาสน์ธรรม” ซินแสฮวงจุ้ยระดับโลกที่มาแนะนำเรื่องการจัดฮวงจุ้ยเพื่อความมั่งคั่งทั้งทำเลที่ตั้งบ้าน อาคารสำนักงาน หรือการจัดที่นั่งสำหรับผู้บริหาร พร้อมตอบคำถามแบบเอ็กซ์คลูซีฟ สร้างความสุขให้ทุกคนจนจบงาน

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรุงเทพประกันชีวิตมีความใส่ใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ให้เป็นแบบประกันที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี และมีเบี้ยประกันฯ ที่เหมาะสม ภายใต้แนวคิดประกันชีวิตที่ใส่ใจและให้ความรู้สึกดี โดยธนาคารกรุงเทพมีส่วนสำคัญในการแนะนำเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต หรือ การสนับสนุนลูกค้าสินเชื่อที่ต้องการให้ธุรกิจและสินทรัพย์นั้นยังคงอยู่กับครอบครัวและทายาทได้ และไม่เป็นภาระให้กับคนรุ่นหลัง ผมจึงขอถือโอกาสนี้ขอบคุณลูกค้าและธนาคารกรุงเทพ ที่ไว้วางใจให้กรุงเทพประกันชีวิตส่งมอบความคุ้มครองสู่ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพทุกท่านครับ” คุณโชนกล่าว

ประกัน

สมาคมประกันวินาศภัยไทย แถลงผลงาน 1 ปี ชี้ชะตาธุรกิจประกันวินาศภัย สู่เป้าหมายการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

สมาคมประกันวินาศภัยไทย แถลงผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ ในรอบ 1 ปี ในการขับเคลื่อนธุรกิจประกันวินาศภัย พร้อมมุ่งมั่นผลักดันพันธกิจหลักทั้ง 4 ด้าน ให้เกิดผลสําเร็จ ย้ำเดินหน้าทำแผน Quick Win สร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจประกันวินาศภัยไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2566 เป็นต้นมา คณะกรรมการบริหาร สมาคมประกันวินาศภัยไทย ประจำปี 2566-2568 ได้ดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์สมาคมฯ ที่กำหนด โดยมีเป้าหมายในการเป็นองค์กรที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ธุรกิจประกันวินาศภัย

เป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน ยึดนโยบายในการทำหน้าที่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพให้กับภาครัฐและภาคเอกชน เน้นความเป็นมืออาชีพ สร้างมาตรฐานการปฏิบัติงาน เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจโปร่งใส ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือสังคมในมิติต่าง ๆ

โดยการดำเนินงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เราสามารถขับเคลื่อนสมาคมฯ และธุรกิจประกันวินาศภัยสู่การเปลี่ยนแปลง ก้าวหน้า และสร้างคุณค่าตอบสนองความต้องการของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว รวมถึงได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ ในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ดําเนินโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้เกิดผลสําเร็จตามพันธกิจทั้ง 4 ด้าน เพื่อทําหน้าที่ขับเคลื่อนธุรกิจประกันวินาศภัยไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ดังนี้

พันธกิจที่ 1 ส่งเสริมให้ธุรกิจประกันภัยมีภาพลักษณ์ที่ดีเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูล เพื่อสร้างความเข้าใจด้านการประกันวินาศภัยและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเป็นที่ยอมรับให้ประชาชนทั่วไปและผู้เกี่ยวข้องมากขึ้น ตลอดจนขับเคลื่อน ESG (Environment, Social and Governance) ในธุรกิจประกันวินาศภัย ได้แก่

การสร้างความตระหนักรู้ให้เห็นความจำเป็นของการประกันภัย

สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความเข้าใจด้านการประกันวินาศภัยและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเป็นที่ยอมรับให้ประชาชนทั่วไปและผู้เกี่ยวข้องมากขึ้น ประกอบด้วย การแถลงข่าวประจำปีของสมาคมฯ และประเด็นสำคัญ ๆ ของธุรกิจประกันวินาศภัย การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนทางออนไลน์ ในรูปแบบสื่อ infographic ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมาก

การขับเคลื่อน ESG (Environment Social and Governance) ในธุรกิจประกันวินาศภัยไทย

สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้จัดทำแนวทางการประยุกต์ใช้ ESG ในมิติต่าง ๆ ให้เข้ากับกิจกรรมในธุรกิจประกันวินาศภัย และกำหนดกรอบการดำเนินงานเพื่อให้ ESG เข้ากับกลยุทธ์ขององค์กร รวมถึงศึกษาข้อมูล และผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับ Carbon Credit 

เพื่อเป็นแนวทางในการปรับตัวเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจประกันภัย โดยการสร้างความเข้าใจผลกระทบของการซื้อขายปริมาณก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอนเครดิต) ที่มีต่อภาคขนส่งและโลจิสติกส์ พร้อมติดตามผลการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และขยายผลการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของชุมชน ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตร้อยเอ็ด

ณ ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นต้นแบบการบริหารจัดการน้ำใต้ดินในพื้นที่แห้งแล้งที่อยู่นอกเขตชลประทาน แก้ไขปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำที่ใช้ในการเกษตร เปลี่ยนพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ที่แห้งแล้งเป็นทุ่งกุลายิ้มได้ที่มีน้ำใช้ในการเกษตรอย่างเพียงพอและยั่งยืน

พันธกิจที่ 2 ยกระดับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในการทำหน้าที่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพให้กับภาครัฐ และเอกชน

สมาคมประกันวินาศภัยไทย สนับสนุนให้เกิดศูนย์กลางข้อมูลและการใช้ข้อมูลด้านการประกันวินาศภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมและประชาชน สนับสนุนแนวคิดและผลักดันให้เกิดการกำกับดูแลกันเองของภาคธุรกิจและการมุ่งสู่การเปิดเสรีในบางมิติ และการผลักดันให้ภาครัฐมีมาตรการต่าง ๆ ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการทำประกันวินาศภัยในทุกระดับและทุกมิติเพื่อช่วยในการบริหารความเสี่ยงและแบ่งเบาภาระของรัฐบาล  ได้แก่

1. โครงการประกันภัยพืชผล ปีการผลิต 2567/68 โดย สมาคมฯ ได้จัดทํากรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี (ขั้นตอนอยู่ระหว่างการดำเนินการ) ปีการผลิต 2567 และยื่นขอรับความเห็นแบบและข้อความกรมธรรม์ประกันภัยและอัตราเบี้ยประกันภัย ไปยังนายทะเบียน สํานักงาน คปภ. ซึ่งได้นําเสนอรูปแบบการประกันภัยที่ได้ประโยชน์สูงสุดและเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม รวมถึงเพื่อเป็นการสนองนโยบายของภาครัฐ ในการส่งเสริมและผลักดันให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการทําประกันภัยพืชผล

2. โครงการประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย จากนโยบายการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ Thailand Traveller Fee (TTF) หรือที่เรียกว่า ค่าเหยียบแผ่นดินโดยสมาคมฯ

ได้นําเสนอความคุ้มครองประกันภัยนักท่องเที่ยวต่างชาติฯ ไม่น้อยกว่ากองทุนเยียวยานักท่องเที่ยวที่ได้มีการยกเลิกไปแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งจะสรุปและนําเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาในเดือนกรกฎาคม 2567 นี้

3. โครงการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก โดยคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ ซึ่งได้ติดตามการนำส่งข้อมูลจากบริษัทประกันวินาศภัยเพื่อนำส่งข้อมูลเข้าระบบการรายงานข้อมูลการรับประกันภัยรถภาคบังคับ CMIS แบบเรียลไทม์อย่างใกล้ชิดเพื่อรองรับการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการรับประกันภัย พ.ร.บ.

โดยกรมการขนส่งทางบกได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้การตรวจสอบข้อมูลผู้ประสบภัยจากรถและข้อมูลการทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

4. การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยด้วยการใช้ระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระบบประกันภัยพืชผล ระหว่าง กรมส่งเสริมการเกษตร สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) โดยการนำเทคโนโลยีดาวเทียม ระบบการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และระบบ AI & Machine Learning มาใช้ในการประกันภัยพืชผล

โดยการวิเคราะห์ข้อมูลและตรวจสอบความเสียหายเพื่อดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนในโครงการประกันภัยพืชผล ซึ่งได้เริ่มนำร่องในพื้นที่ 6 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น นครราชสีมา นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช ร้อยเอ็ด สุโขทัย และได้มีการขยายพื้นที่การทดสอบเพิ่มเป็น 16 จังหวัด

5.  โครงการ Utilization of Insurance Bureau System Data เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลกลางประกันภัย (Insurance Bureau System: IBS) ในการพัฒนาระบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยและการให้บริการลูกค้า รวมถึงประชาชนในหลากหลายมิติ

โดยผลักดันให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูล IBS เพื่อนําข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ภาพรวมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจประกันวินาศภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่ง สมาคมฯ และ สํานักงาน คปภ. ได้ร่วมกันจัดงาน Kickoff การใช้ข้อมูลจากระบบ Non-Life IBS และพร้อมส่งมอบรายงานให้กลับบริษัทสมาชิก

พันธกิจที่ 3 พัฒนาศักยภาพบุคลากรในธุรกิจประกันภัยให้เป็นมืออาชีพที่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล

สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรในธุรกิจประกันภัยให้เป็นมืออาชีพที่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ส่งเสริมให้บุคลากรให้เข้าสู่ระบบธุรกิจประกันวินาศภัย และพัฒนาบุคลากรเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ และการปรับเปลี่ยนให้สมาคมฯ

เป็นองค์กรที่ทันสมัย เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การพัฒนาบุคลากรในธุรกิจประกันภัย ผ่านโครงการ Insurance Professionalism & Self-Empowering Project (IPSP) การอบรมโครงการพัฒนาผู้บริหารธุรกิจประกันวินาศภัย รุ่นที่ 27 (IMDP 27)

การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัย ด้านกฎหมาย และมาตรฐานทางด้านบัญชี ผ่านการอบรมและสัมมนาต่าง ๆ การเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และแนวทางการวางระบบกำกับดูแลข้อมูลสำหรับธุรกิจประกันภัย การอบรม E-Learning 

หลักสูตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายของสถาบันการเงิน รวมถึงการพัฒนาบุคลากรของสมาคมฯ ในการทํางานเชิงรุก ทั้ง Soft Skill & Hard Skill เพื่อนําองค์กรไปสู่ “Modern & Smart Organization”

พันธกิจที่ 4 เสริมสร้างระบบนิเวศประกันภัยที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ

สมาคมประกันวินาศภัยไทย สนับสนุนให้เกิดศูนย์กลางข้อมูลและการใช้ข้อมูลด้านการประกันวินาศภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมและประชาชน โดยสนับสนุนแนวคิดและผลักดันให้เกิดการกำกับดูแลกันเองของภาคธุรกิจ พร้อมจัดทำคู่มือแนวทางปฏิบัติ (Guideline) ผู้ประกอบการธุรกิจประกันภัยของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

และแนวทางปฏิบัติของภาคธุรกิจประกันวินาศภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้ครอบคลุมทุกด้าน (PDPA Guideline for Non-life Insurance Industry) เพื่อสร้างความเข้าใจให้บริษัทสมาชิกสามารถปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังได้เตรียมความพร้อมในการใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 (TFRS17) ผลกระทบทางด้านภาษีอากรจากมาตรฐาน TFRS 17 ของธุรกิจประกันวินาศภัยให้กับบริษัทสมาชิก และผลักดันการพัฒนาระบบการจัดการฉ้อฉลและแก้ไขปัญหาการฉ้อฉลประกันกัยของธุรกิจประกันวินาศภัย 

จัดทำโครงการพัฒนาระบบแผนที่และแบบจำลองการประเมินพื้นที่เสี่ยงภัยจากน้ำท่วม แผ่นดินไหว รวมถึงจัดทำระบบศูนย์กลางตรวจสอบเพื่อป้องกันการฉ้อฉลประกันภัยสุขภาพ พร้อมศึกษาพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ กรมธรรม์ประกันภัยรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (BEV) 

และจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยชดเชยผลประโยชน์จากอุบัติเหตุหรือการใช้รถยนต์ (Motor Add on) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ และการสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงานเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจประกันวินาศภัย

สมาคมฯ ภายใต้การบริหารของคณะกรรมการบริหารฯ ประจําปี 2566-2568 ได้ร่วมกันขับเคลื่อนแผน Quick Win ตามทิศทางของแผนยุทธศาสตร์สมาคมฯ ซึ่งเห็นผลก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมตามที่กําหนด ทั้งการควบรวมสํานักงานอัตราเบี้ยประกันวินาศภัย (Insurance Premium Rating Bureau: IPRB) 

และบริษัท ไทยอินชัวเรอส์ดาต้าเนท จํากัด (Thai Insurers Datanet Co., Ltd.: TID) เป็นบริษัทวิจัยและพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยไทย จํากัด หรือ TIRD การผลักดันให้เกิดการกํากับดูแลกันเองของภาคธุรกิจประกันวินาศภัยและการเปิดเสรีธุรกิจประกันวินาศภัยในบางมิติ การทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันวินาศภัย (Regulatory Guillotine) 

กับ สํานักงาน คปภ. การควบคุมค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลของการประกันภัยสุขภาพ และศึกษามาตรการเพิ่มเติมในการลดหย่อนภาษี รวมถึงการจัดตั้งคณะแพทย์ที่ปรึกษาให้กับธุรกิจประกันวินาศภัยไทย และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจประกันวินาศภัยในเชิงรุก

 อย่างไรก็ตาม ตลอด 1 ปี ในการขับเคลื่อนธุรกิจประกันวินาศภัย สมาคมฯ มุ่งมั่นเดินหน้าสร้างผลงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ โดยมีคณะกรรมการประกันภัยสาขาต่าง ๆ รวม 8 สาขา ที่ร่วมกันดําเนินการส่งเสริมผลักดันมาตรการต่าง ๆ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย

ทั้งบริษัทสมาชิก ประชาชน สังคม หน่วยงานกํากับดูแล หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยผลในการดําเนินงานที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นแนวทางและเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงชะตา โอกาส และเป้าหมายในการก้าวไปสู่การเติบโตก้าวหน้าของธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งสมาคมฯ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงต่อไป

ประกัน

กองทัพบก-ไทยประกันชีวิต ต่อสัญญากรมธรรม์ประกันชีวิตทหาร

พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย นายไชย  ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนางศรีสุดา  พูลพิพัฒนันท์ กรรมการ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามต่อสัญญากรมธรรม์ประกันชีวิตทหาร ประจำปี 2567 เพื่อมอบหลักประกันแก่กำลังพลกองทัพบกทุกชั้นยศ

ภายใต้กรมธรรม์แบบ “ภัยสงคราม” และแบบ ”พิทักษ์พล” ซึ่งคุ้มครองทั้งกรณีปฏิบัติภารกิจภาคสนามและยามปกติ โดยได้รับเกียรติจาก นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ และนายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการด้านกำกับ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ กองบัญชาการกองทัพบก