การเงิน-หุ้น, ธุรกิจ

PCC ลงนาม MOU ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมพัฒนา Technology Platform

นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, คุณอมร แดงโชติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) และรองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีพร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ถ่ายภาพร่วมกัน

ภายหลังพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยพัฒนาและการบริการวิชาการ เรื่อง การสร้าง Digitalization and Automation Solution Innovative Cluster ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อร่วมมือในการพัฒนา Technology Platform 

และ Innovative Cluster ของอุตสาหกรรมดังต่อไปนี้  1. Digitalization and Automation and ESG Solution และ 2. Bamboo-based Innovative Product Conversion เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ มีขอบเขตความร่วมมือสนับสนุน

ผลักดัน ให้เกิดการนำผลงานวิจัยหรือผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยที่เกิดจาก ความร่วมมือนี้ไปสู่การใช้ประโยชน์ทั้งเชิงพาณิชย์ เชิงนโยบาย และเชิงสาธารณะ โดยงานดังกล่าว จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา

อสังหาริมทรัพย์

” EVER โชว์รายได้ Q1/67 แตะ 370 ลบ.เพิ่มขึ้น 24% ลุยเสิร์ฟบ้านแฝด-บ้านเดี่ยวอีก 2 โครงการ มูลค่า 1.2 พันลบ.

บมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER) เปิดผลงานไตรมาส 1/67 รายได้แตะ 370 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อานิสงส์รับรู้รายได้โครงการแนวราบ “มายโฮม-เอเวอร์ซิตี้” และโครงการแนวสูง “เดอะโพลิแทน” ทำเลทองย่านสนามบินน้ำ

บิ๊กบอส “สวิจักร์ โลจายะ”ปักหมุดปี 67 รุกตลาดแนวราบ เสิร์ฟ 2 โปรเจคใหม่ มูลค่า 1,160 ล้านบาท  ล่าสุดเปิดพรีเซล “เอวาริส-ราชพฤกษ์ตัดใหม่” กระแสตอบรับดีเยี่ยม รับเรียลดีมานด์คึกคัก เตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยว “ซิลเวอร์เลค วินด์ เฟส 3” ในไตรมาส 4/67 หนุนผลงานโตต่อเนื่อง

นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) (EVER) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567) มีรายได้รวม 372 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73 ล้านบาท หรือ 24 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 299 ล้านบาท ขณะขาดทุนลดลงเหลือ 66 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 104 ล้านบาท

สำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากโครงการแนวราบเป็นหลัก ได้แก่ โครงการ ซิลเวอร์เลค วินด์ เฟส 1 และเฟส 2 โครงการเอเวอร์ซิตี้ รีซอร์ต้า สุขสวัสดิ์ 30-ราษฎร์บูรณะ ขณะที่มีการรับรู้จากโครงการแนวสูง  “เดอะ โพลิแทนรีฟ” และ “เดอะ โพลิแทน อควา” เข้ามาสนับสนุน

“ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โดยหันมาให้ความสำคัญกับการขยายโครงการแนวราบ รองรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นเรียลดีมานด์ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ทั้งจากการเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยว  และทาวน์โฮม”

ประธานกรรมการ EVER กล่าวอีกว่า ในปี 2567 บริษัทฯเตรียมเปิด  2 โครงการใหม่ มูลค่า 2,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ “เอวาริส-ราชพฤกษ์ตัดใหม่” จำนวน 128 ยูนิต ซึ่งเป็นบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว มูลค่า 630  ล้านบาท ในไตรมาส 2/2567 และเปิดขายเฟสต่อเนื่อง

บ้านเดี่ยวแบรนด์ “มายโฮม” โครงการซิลเวอร์เลค วินด์ เฟส 3 จำนวน 31 ยูนิต จากมูลค่าคงเหลือเฟส 1 – 2 อีก 31 ยูนิต มูลค่า 530 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.99 -15 ล้านบาท/แปลง ในไตรมาส 4/2567 ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยเมื่อวันที่ 11-12 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ เปิดพรีเซลโครงการ “ เอวาริส-ราชพฤกษ์ตัดใหม่” ราคาเริ่มต้น 3.79 ล้าน ในสไตล์ Modern Portugese ผสานความสวยงามของสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ให้เข้ากับยุคสมัย มีจุดเด่นการออกแบบ ให้มีระดับเพดานสูงถึง 2.9 เมตร

จัดวางพื้นที่บ้านเป็นสัดส่วน และตกแต่งด้วยช่องเปิดหน้าต่างและประตูกว้าง เพื่อให้ตัวบ้านโล่งโปร่งสบาย นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบ Home Security& Automation, EV Charger และ Solar Roof ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี มียอดจอง 10  ยูนิต

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติการขายธุรกิจโรงพยาบาล จำนวน 3 แห่ง มูลค่า 700 ล้านบาท  โดยคาดว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นและได้รับเงินในปี 2567 นี้

การเงิน-หุ้น, ธุรกิจ

GCAP โชว์ผลงาน Q1/67 กำไรต่อเนื่องตามเป้า มั่นใจปี 67 ดันพอร์ตสินเชื่อใหม่โตทะลุ 30%

“บมจ.จี แคปปิตอล หรือ GCAP” เปิดผลงานโค้งแรก 67 กำไรต่อเนื่องตามเป้า โดยมีกำไรสุทธิ 4.68 ล้านบาท ผลจากการบริหารติดตามหนี้อย่างใกล้ชิด สามารถเก็บเงินค่างวดได้ตามเป้า “อนุวัตร โกศล” ซีอีโอ มั่นใจปีนี้พร้อมดันยอดปล่อยสินเชื่อใหม่โตทะลุ 30%

เดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานปี 2567 พร้อมสานต่อกลยุทธ์ Lending & Non-Lending Business สร้างการเติบโตแข็งแกร่ง ผู้ถือหุ้น GCAP ไฟเขียว อนุมัติออกหุ้นกู้วงเงินรวมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจ

นายอนุวัตร โกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP  เปิดเผยว่า “ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 4.68 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการบริหารคุณภาพลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และสามารถเก็บเงินค่างวดได้ตามเป้าหมาย  บริษัทฯ มีรายได้ จำนวน 44.74 ล้านบาท ลดลง 1.77 ล้านบาท หรือ 3.80% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ต้นทุนทางการเงินจำนวน 13.35 ล้านบาท ลดลง 4.47 ล้านบาท หรือ 25.10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปี 2566 ที่ 17.82 ล้านบาท จากการทยอยชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด และมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 24.83 ล้านบาท ลดลง 0.33 ล้านบาท หรือ 1.30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ 25.16 ล้านบาท

สำหรับไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ เผยผลงานควบคุม NPLs ของสินเชื่อเช่าซื้อซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ ได้ 4.17% ตามเป้า ผลจากการควบคุมคุณภาพสินเชื่อและการติดตามและบริหารคุณภาพลูกหนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ บริษัทฯ มียอดปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 56.82 ล้านบาท มั่นใจภาพรวมยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ทั้งปี 2567 เติบโตไม่น้อยกว่า 30%

สำหรับแผนธุรกิจปี 2567 บริษัทฯ พร้อมสานต่อกลยุทธ์ Lending & Non-Lending Business เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อใหม่เติบโตไม่น้อยกว่า 30% โดยมีปัจจัยบวกจากราคาผลผลิตการเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้เกษตรกรมีความต้องการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรมากขึ้น บริษัทฯ มุ่งเน้นกลยุทธ์การรักษา-ต่อยอดธุรกิจจากฐานลูกค้าเดิม เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ในภาคการเกษตร

และการขยายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น สินเชื่อเช่าซื้อที่ครอบคลุมนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นการวิเคราะห์สินเชื่อที่รัดกุม และบริหารคุณภาพลูกหนี้อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินรวม 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตและขยายธุรกิจการปล่อยสินเชื่อของบริษัทฯ

อสังหาริมทรัพย์

แกรนด์ ยูนิตี้ ขานรับมาตรการรัฐ จัดแคมเปญพิเศษ “เกินคุ้ม เกินใคร”

แกรนด์ ยูนิตี้ ตอบสนองนโยบายกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ เดินหน้าจัดแคมเปญสุดพิเศษ “เกินคุ้ม เกินใคร” กับ คอนโดฯ ใหม่ พร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า ยูนิตราคาไม่เกิน ล้านบาท*  ที่มาพร้อมข้อเสนอแบบจัดเต็มที่สุดแห่งปี

กับส่วนลดสุดพิเศษสูงสุดถึง ล้านบาท*ผ่อนสบายเพียงล้านละ 3,000 บาท*อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.9% นานถึง ปี*  และของแถมสูงสุดถึง 20 รายการ เริ่มเพียง 1.89 ล้านบาท* ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2567

นายกำพล ปุญโสณี ประธานบริหาร บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลปล่อยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ในการลดค่าจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดทะเบียนการจำนองเหลือเพียง 0.01 % สำหรับการซื้อขายอาคารที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท

บริษัทฯ จึงได้เล็งเห็นโอกาสที่จะร่วมสนับสนุนและแบ่งเบาภาระของผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และช่วยกระตุ้นบรรยากาศของตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้คึกคักมากยิ่งขึ้น ด้วยการจัดแคมเปญสุดพิเศษ “เกินคุ้ม เกินใคร” กับ 7 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ พร้อมอยู่ บนทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้าทั่วกรุงเทพฯ

เฉพาะยูนิตราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นแคมเปญที่ทางบริษัทฯ ตั้งใจให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่มีคุณภาพในราคาที่สมเหตุสมผล พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่ทำให้การตัดสินใจซื้อของลูกค้านั้นคุ้มค่าเกินกว่าใคร

ทั้งนี้ แคมเปญ “เกินคุ้ม เกินใคร” มาพร้อมข้อเสนอสินเชื่อที่ “เกินคุ้ม” จากสถาบันการเงินพันธมิตรซึ่งให้ลูกค้าผ่อนสบายเพียงล้านละ 3,000 บาท* และอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.9% นานถึง 3 ปี* สมทบด้วยดีลจากแต่ละโครงการของ แกรนด์ ยูนิตี้ ที่คุ้ม “เกินใคร” อาทิ ส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 1 ล้านบาท*, รั

บทองคำทุกยูนิต*, ฟรี เครื่องใช้ไฟฟ้า*, ฟรี เฟอร์นิเจอร์ครบชุด*, ฟรี ค่าใช้จ่ายวันโอน* และฟรี ของแถมสูงสุด 20 รายการ* ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท* โดย 7 โครงการพร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า ยูนิตราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ที่เข้าร่วมแคมเปญในครั้งนี้ ได้แก่

โครงการ บลู สุขุมวิท 105 (blue Sukhumvit 105) คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ใจกลางลาซาล
ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีเหลือง เพียง 3 นาที* ถึง MRT สถานีศรีลาซาล และ 5 นาที* ถึง BTS สถานีแบริ่ง ห้องหน้ากว้าง ฟังก์ชันดี เป็นสัดส่วน เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบ* ในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท*

โครงการ บลู พหลโยธิน 35 (blue Phahonyothin 35) คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 1 นาที* ใกล้ถนนวิภาวดีรังสิต และแยกรัชโยธิน เชื่อมต่อการเดินทางสู่ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ห้องหน้ากว้าง เฟอร์นิเจอร์ครบ ครัวปิด ออกแบบด้วยแนวคิด Multi-Functional Design เพียง 5 ยูนิต ราคาพิเศษ 2.09 ล้านบาท*

โครงการ บลู สุขุมวิท 89 (blue Sukhumvit 89) คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีอ่อนนุช เพียง 2 นาที* บนทำเลที่คิดมาเพื่อคุณ เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคุณให้ง่ายสบายมากยิ่งขึ้น ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท*

โครงการ เดนิม จตุจักร (DENIM Jatujak) คอนโดมิเนียมไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ใจกลางจตุจักร ใหญ่ที่สุดในย่าน บนพื้นที่กว่า 9 ไร่ ส่วนกลางมากกว่า 27 รายการ ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิต และ MRT สถานีสวนจตุจักร เพียง 5 นาที* พิเศษ ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท*

โครงการ เซียล่า จรัญฯ 13 สเตชั่น (CIELA Charan 13 Station) คอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ชีวิตที่สมดุลในทุกด้าน ติด MRT สถานีจรัญฯ 13 ระยะ 0 เมตร เชื่อมต่อทุกความสะดวก เป็นส่วนตัว ปลอดภัย ยูนิตน้อย ทำเลดี วิวพาโนรามาส่วนกลางที่โดดเด่น ยูนิตราคาพิเศษ เริ่มต้น 2.59 ล้านบาท*

โครงการ เซียล่า เจริญนคร (CIELA Charoen Nakhon) คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ใกล้ ICONSIAM และตลาดท่าดินแดง ยูนิตน้อย เพียง 105 ยูนิต พื้นที่ส่วนตัวที่ให้คุณใกล้ครอบครัวได้เหมือนเดิม 1 ห้องนอน 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท*

โครงการ แมสซารีน รัชโยธิน (MAZARINE Ratchayothin) คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี ติด BTS สถานีรัชโยธิน เพียง 0 เมตร ล้อมรอบด้วยถนนสายหลัก สะดวกสบายทุกการเดินทาง มาพร้อมส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 3 ชั้น และวิวเมืองแบบพาโนรามา ในราคาเริ่มต้น 6.29 ล้านบาท*

พบกับแคมเปญ “เกินคุ้ม เกินใคร” พร้อมรับข้อเสนอแบบจัดเต็มที่สุดแห่งปีจาก แกรนด์ ยูนิตี้ ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2567 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.grandunity.co.th หรือสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE @GrandUnity หรือโทร. 0 2652 4000

อสังหาริมทรัพย์

“NOBLE” โชว์ผลประกอบการ Q1/67 เติบโตแม้ Sentiment ในประเทศไม่เอื้อ ยอดขาย 4 เดือนแรกของปีกวาดมากกว่า 4,300 ล้านบาท

บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ NOBLE โชว์ผลประกอบการ Q1/67 เติบโตแม้ Sentiment ในประเทศไม่เอื้อ ขณะที่ยอดขาย 4 เดือนแรกกวาดมากกว่า 4,300 ล้านบาท หลัง Momentum ลูกค้าต่างชาติดีต่อเนื่องจากปีก่อน เผยลูกค้าต่างชาติ 3 อันดับซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยสูง “พม่า-จีน-ไต้หวัน” ลุ้นยอดขายปีนี้มาตามนัดจำนวน 20,600 ล้านบาท

ลุยเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 8 เดือนหลังของปี 2567 อีก 6 โครงการ มูลค่ารวม 21,130 ล้านบาท พร้อมชี้มาตรการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาฯ และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯ สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท หนุนยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2567 ให้คึกคักมากขึ้น

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 1,787 ล้านบาท หรือลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากเป็นการขายและส่งมอบโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) จากปี 2565-2566 เป็นหลัก

อย่างไรก็ตามหากดูยอดการโอนกรรมสิทธิ์รวมบริษัทร่วมทุนนั้นมีจำนวน 1,785 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41% YoY ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการนิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว (Nue Noble Ratchada Lat Phrao) โครงการนิว โนเบิล ไฟฉาย-วังหลัง (Nue Noble Faichai – Wang Lang) 

โครงการโนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ (Noble Aqua Riverfront Ratburana) โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย (Noble Terra Rama 9 – Ekkamai) และโครงการโนเบิล สเตท 39 (Noble State 39) รวมถึงกำไรสุทธิอยู่ที่ 79 ล้านบาท หรือเติบโต 8% YoY

สำหรับภาพรวมในช่วงไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ โนเบิล นอร์ส กรุงเทพกรีฑา (Noble Norse Krungthep Kreetha) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการรวม 1,480 ล้านบาท มียอดขายสะสมที่ 9% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าภายในประเทศ ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขาย (Presale) 

สำหรับ 4 เดือนแรกของปีได้มากกว่า 4,300 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการดิ เอ็มบาสซี่ แอท ไวร์เลส (The Embassy Wireless) โครงการโนเบิล นอร์ส กรุงเทพกรีฑา (Noble Norse Krungthep Kreetha) โครงการโนเบิล สเตท 39 (Noble State 39) โครงการนิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ (Nue Hype Suksawat)

โครงการนิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว (Nue Noble Ratchada Lat Phrao) และโครงการนิว ริเวอร์เรสต์ ราษฎร์บูรณะ (Nue Riverest Ratburana) เป็นต้น โดยยอดขายดังกล่าวสามารถแบ่งเป็นยอดขายจากลูกค้าภายในประเทศ 34% และยอดขายจากลูกค้าต่างชาติ 66% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าจากประเทศพม่า จีน และไต้หวัน

ดังนั้น บริษัทฯ จึงเชื่อว่ายอดขายลูกค้าต่างชาติในปี 2567 จะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2566 ที่ทำนิวไฮระดับ 5,200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำถึงจุดแข็งของ NOBLE ที่มีฐานลูกค้าต่างชาติที่แข็งแกร่ง

ในช่วง 8 เดือนหลังของปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนอย่างต่อเนื่องอีก 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 21,130 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise รวมจำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,230 ล้านบาท

และโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง รวมจำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,900 ล้านบาท ซึ่งกระจายอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ เพื่อจะตอบรับความต้องการที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องและสนับสนุนยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้จำนวน 20,600 ล้านบาท

โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่ารวม 21,371 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง (Under Construction) 

และโครงการใหม่ที่เพิ่งเปิดขาย (New Project) รวมมูลค่าทั้งหมด 34,625 ล้านบาทที่ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ จึงเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ระดับ 14,000 ล้านบาท

นายธงชัย ยังได้กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า สำหรับต่างชาติยังคงให้ความสนใจกับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของผลกระทบเชิงบวกจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และประเทศไทย ก็ยังคงเป็นประเทศที่น่าลงทุน ราคาอสังหาริมทรัพย์ยังคงคุ้มค่าต่อการลงทุน (Affordable) 

ขณะที่ลูกค้าภายในประเทศน่าจะได้ รับปัจจัยบวกมาจากการที่รัฐบาลประกาศเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย มาตรการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาฯ จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯ จาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยราคาประเมินไม่เกิน 7 ล้านบาท

โดยในปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนของสินค้าพร้อมขายที่ระดับราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาทอยู่ที่ระดับ 32% ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยผลักดันยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2567 ให้มีความคึกคักมากขึ้น รวมถึง สินเชื่อบ้านจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้แก่ โครงการ Happy Home อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปีเป็นระยะเวลา 5 ปี

และโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.98% ต่อปี และสินเชื่อบ้านจากธนาคารออมสิน ได้แก่ โครงการสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อประชาชน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี และโครงการสินเชื่อ D-HOME อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.50% ต่อปี ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกที่ทำให้กำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น   

ประกัน

ทิพยประกันภัย เชิญชวนร่วมงาน Money Expo 2024 “TIP ONLY YOU FEST ลด รับ ชิง ได้จริง 3 ต่อ”

ทิพยประกันภัย เชิญชวนร่วมงาน Money Expo 2024 พบกับโปรโมชันและสิทธิพิเศษเพียบ !! ลด รับ ชิง…ได้จริง 3 ต่อ โปรโมชันประกันภัยที่คุ้มสุดคุ้ม เพื่อคุณเท่านั้น อาทิ ประกันภัยรถยนต์ ประกันอัคคีภัย ประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุ ประกันภัยสัตว์เลี้ยง และประกันภัยประเภทอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาและบริการลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ ครบจบทุกประกันภัย

ลด…เบี้ยประกันภัย สูงสุด 23%

รับ…ของสมนาคุณ* รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท

ชิง…ทองคำ รวมมูลค่ากว่า 180,000 บาท (ขึ้นอยู่กับประเภทประกันภัยที่กำหนด)

พิเศษ! ลูกค้าต่ออายุ รับบัตร Lotus’s สูงสุด 1,000 บาท

พบกันที่ บูธทิพยประกันภัย (K8) ในงาน Money Expo 2024 ตั้งแต่ 16 – 19 พ.ค. 67 อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

การเงิน-หุ้น, ธุรกิจ

APO เผยทิศทาง Q2/67 โตเด่น ดีมานน้ำมันปาล์มดิบพุ่ง เดินหน้าธุรกิจผลิตไฟฟ้าเต็มกำลัง

APO เผยทิศทางไตรมาส 2/67 มั่นใจธุรกิจโตเด่น ดีมานด์ต่างประเทศพุ่ง ยอดจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มต่อเนื่อง รับอานิสงส์ราคาวัตถุดิบปรับลดจากปริมาณปาล์มดิบเพิ่มขึ้น เดินหน้าผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเต็มกำลัง ด้านผลประกอบการไตรมาส 1/67 รายได้รวม 238.64 ล้านบาท

นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือAPO เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/2567 จะมีแนวโน้มดีขึ้น จากการจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ด้วยปริมาณความต้องการวัตดุดิบเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ อาทิ ประเทศอินเดีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันบริษัทสามารถบริหารต้นทุนด้านราคาวัตถุดิบ จากการปรับตัวลดลงของราคาปาล์มดิบ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าสู่ฤดูฝน ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตมีจำนวนเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้มากขึ้น จากการธุรกิจไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มเครื่องจักร ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าเต็มประสิทธิภาพและมีจำนวนมาก โดยสามารถจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA)

ขณะที่การดำเนินงานสร้างระบบ Automation ในการเปลี่ยนจากหม้อนึ่งแนวนอนเป็นแนวตั้งตามแผนการระดมทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการผลิตน้ำมันปาล์มและระบบที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการเพื่อประเมินขั้นตอนการดำเนินงานที่มีคุณภาพทุกในขั้นตอน โดยคาดว่าจะเริ่มติดตั้งในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 เป็นต้นไป

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้รวม 238.64 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 348.94 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 18.74 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.85 ล้านบาท

สาเหตุที่ผลการดำเนินงานปรับตัวลดลง เกิดจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบทะลายปาล์มสดจากความกังวลของทะลายปาล์มสดลดลงและความไม่สม่ำเสมอของผลผลิตที่ออกสู่ตลาดอันเป็นผลจากปรากฎการณ์เอลนีโญ โดยผลิตผลทะลายปาล์มสดทั้งประเทศในช่วง 3 เดือนแรก ปี 2567 ลดลง 1,121,077 ตัน หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 20.89 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ซึ่งทำให้ราคาวัตถุทะลายปาล์มสดเกิดความผันผวนและมีการปรับตัวสูงขึ้นมากในบางช่วงเวลาจากความกังวลที่วัตถุดิบจากจะขาดแคลน เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่ปกติเนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบและราคาทะลายปาล์มสดจะมีราคาแปรผันตามกัน ส่งผลให้อัตราต้นทุนโดยเฉพาะวัตถุดิบสูงขึ้น ดังนั้นหากปรากฎการณ์เอลนีโญผ่อนคลายลงราคาทะลายปาล์มสดจะปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ

อสังหาริมทรัพย์

อนันดาฯ ตอกย้ำจุดยืนแบรนด์ที่อยู่อาศัยเพื่อคนเมือง ผ่านแบรนด์ดิ้งแคมเปญ “ANANDA JOYFUL LIVING”  ชีวิตเมืองจอยได้ทุกวันไปกับที่อยู่อาศัยทำเลใกล้รถไฟฟ้า

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง และผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า ย้ำความเป็นแบรนด์ที่อยู่อาศัยของคนเมือง ผ่านแบรนด์ดิ้งแคมเปญ ANANDA JOYFUL LIVING” #ชีวิตเมืองจอยได้ทุกวัน 

ไปกับที่อยู่อาศัยทำเลเมืองใกล้รถไฟฟ้าจากอนันดา ผ่านมุมมองของชีวิตเมือง ตอกย้ำแนวคิด Urban Living Solutions คิดเพื่อชีวิตคนเมือง มุ่งเน้นให้ความสำคัญในเรื่องทำเลที่ตั้ง ความสะดวกในการเดินทาง การทำงาน และ Lifestyle ร

วมถึงการออกไปใช้ชีวิต การสร้างแรงบันดาลใจ การส่งต่อสิ่งดีๆ (Positive Vibes) และการเป็นแบรนด์เพื่อคนเมือง ตอบทุกความต้องการในการใช้ชีวิต เพื่อให้คนเมืองใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น มีเวลาที่มากขึ้น เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง ครอบครัว และสังคม

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อนันดาฯ ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่อยู่อาศัยของคนเมือง มุ่งสร้างสรรค์ไอเดียและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาคนเมืองอย่างไม่หยุดนิ่ง  

ล่าสุดเปิดตัวแบรนด์ดิ้งแคมเปญ ANANDA JOYFUL LIVING” #ชีวิตเมืองจอยได้ทุกวันไปกับที่อยู่อาศัยจากอนันดา ผ่านมุมมองของชีวิตเมือง นับเป็นแบรนด์ดิ้งแคมเปญที่ตอกย้ำแนวคิด Urban Living Solutions ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

ซึ่งเป็นแนวความคิดที่ไม่เพียงมุ่งเน้นการแก้ปัญหาให้คนเมืองเท่านั้น แต่ยังพร้อมส่งมอบความรู้สึกและบรรยากาศที่ดีผ่านการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ และสนับสนุนให้คนเมืองได้มีพื้นที่ทำกิจกรรมและปล่อยพลังบวก และพลังสร้างสรรค์อย่างที่ใจต้องการ 

ซึ่งอนันดาฯ ให้ความสำคัญในเรื่องของทำเลที่ตั้ง (Locations) และความสะดวกสบาย (Convenience) ในการเดินทางเป็นหลัก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตเมือง โดยมีที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้าทำเลเมืองพร้อมอยู่ บนทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ

ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านและทาวน์โฮม ทำให้อนันดาฯ เป็นตัวเลือกแรก (First Choice) ในการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองของเหล่า NEW-GEN รวมถึง GEN-C นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลคุณภาพและบริการหลังการขายภายใต้มาตรฐานของ ANANDA SURE 

ด้วยสโลแกน เราใส่ใจ คุณภาพชีวิต เพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ พร้อมการบริหารจัดการ และบริการที่ครอบคลุมการดูแลลูกค้าตั้งแต่วันแรก ตลอดจนทุกช่วงเวลาของการอยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกบ้าน

นายพงศ์อนันต์ สุขเกษม ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับแบรนด์ดิ้งแคมเปญ ANANDA JOYFUL LIVING” #ชีวิตเมืองจอยได้ทุกวัน ไปกับที่อยู่อาศัยจากอนันดา ซึ่งเป็นแบรนด์ดิ้งแคมเปญที่ต้องการสนับสนุนให้ทุกคนมีความ JOYFUL 

ในการใช้ชีวิตและมีที่อยู่อาศัยที่สะดวกสบาย และเมืองที่ดีน่าอยู่ จึงตั้งใจมอบสิ่งต่างๆ ให้คนเมืองด้วยการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคนเมืองที่จะมาเป็นลูกบ้านของอนันดาฯ ทุกโครงการ โดยเราให้ความสำคัญกับ 4 แกนหลัก

1.URBAN LOCATION ที่อยู่อาศัยที่ดี จะต้องเดินทางได้สะดวกสบาย อนันดาฯ พัฒนาโครงการคอนโดติดรถไฟฟ้า รวมถึงบ้าน และทาวน์โฮม ที่ใกล้รถไฟฟ้าและทางด่วน รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้ๆ โครงการ ซึ่งเป็นปัจจัยแรกในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของคนเมือง

2.ANANDA SURE มุ่งมั่นใส่ใจส่งมอบมาตรฐานการอยู่อาศัยที่ดี ทั้งคุณภาพการก่อสร้าง (Product Quality) และบริการหลังการขาย (After-Sales Services) ด้วยมาตรฐานจาก อนันดาฯ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกบ้าน และไม่หยุดที่จะมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น แอสคอทท์ และ ดุสิต เป็นต้น

3.URBAN FACILITIES พื้นที่ส่วนกลางที่ดี จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย อนันดาฯ มุ่งมั่นพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้ครบ จบ ตรงกับความต้องการ และมีความทันสมัยตลอดเวลา เพื่อตอบโจทย์ LIVE-WORK-PLAY-LEARN ให้จอยได้อย่างเต็มที่ในทุกๆ วัน

4.URBAN ICONIC DESIGN  ออกแบบที่อยู่อาศัยตอบโจทย์คนเมือง อนันดาฯ มี Passion ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยทำเลเมือง โดยมีแรงผลักดันที่ต้องการเห็นความสวยงามของเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพฯ และเอกลักษณ์ของเมืองให้เป็นที่น่าจดจำของคนไทยและชาวต่างชาติ ไม่ใช่แค่อาคารที่สวยงาม

แต่ต้องไม่ทำลายทัศนียภาพภายใต้เส้นขอบฟ้าของเมือง “Bangkok Skyline” เส้นสายและการออกแบบจะยังคงอยู่คู่เมือง เป็นแรงบันดาลใจให้คนเมืองได้ชื่นชมและแสวงหาความคิดใหม่ๆ อยู่เสมอ รวมถึงออกแบบและพัฒนาผังห้องพักและบ้านอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย      

นอกจากการพัฒนาสินค้าและบริการที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองทุกการดำเนินกิจกรรมทางการตลาด รวมถึงแบรนด์ดิ้งแคมเปญก็เป็นส่วนที่สำคัญในการส่งต่อวิธีคิด และจุดยืนของอนันดาฯ ที่เป็นแบรนด์ของคนเมือง

การให้ความสำคัญกับ Persona ที่หลากหลายของคนเมืองคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญ โดยเฉพาะ Branding Campaign ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น “Live With Passion” / “ANANDA URBAN SOUL” / “คิด เพื่อชีวิตคนเมือง / “มองขาด ทุกชีวิตเมือง” จนมาถึง Campaign 

ล่าสุดที่เพิ่ง Launch ไปหมาดๆ กับแบรนด์ดิ้งแคมเปญ “ANANDA JOYFUL LIVING” #ชีวิตเมืองจอยได้ทุกวัน  ล้วนสะท้อนการยืนหยัด การโฟกัส การเน้น Positive Thinking และ Good Vibes ให้กับคนเมือง ได้อย่างแท้จริง

เราเป็นแบรนด์ที่อยู่อาศัยของคนเมืองที่ตระหนักและเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง พร้อมมุ่งมั่นในการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความเป็น Urban Living Solutions เน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตเมือง สร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่ดีผสานความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนเมืองผ่านแบรนด์ต่างๆ ของอนันดาฯ

ทั้งแบรนด์คอนโดมิเนียม (ASHTON / COCO PARC / IDEO Q / CULTURE / IDEO MOBI / IDEO / ELIO และ UNIO) รวมถึงแบรนด์บ้านอนันดาฯ (ARTALE / AIRI / ANDA / ATOLL / URBANIO และ UNIO TOWN)   เพื่อให้ทุกชีวิตเมือง จอยได้ทุกวัน” นายชานนท์ กล่าวทิ้งท้าย

อสังหาริมทรัพย์

แสนสิริ โชว์ผลงาน Q1 ปี 67 กวาดรายได้รวม ทะลุหมื่นล้าน

นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2567 แสนสิริมีรายได้รวมในไตรมาสแรก อยู่ที่ 10,170 ล้านบาท โตขึ้น 20% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผลงานมาจากรายได้จากการขายโครงการที่เพิ่มขึ้นถึง 32% อยู่ที่ 8,901 ล้านบาท

นำด้วยรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรีและซูเปอร์ลักซ์ชัวรีจากแสนสิริ ทั้งการโอนต่อเนื่องของโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา, โครงการบูก้าน พระราม 9 – เหม่งจ๋ายที่ปิดการขายทันทีภายใน 1 วันแรกที่เปิดจองและเริ่มโอนในไตรมาสนี้ โครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริ อาทิ เศรษฐสิริ ดอนเมือง เศรษฐสิริ บางนา-สุวรรณภูมิและ เศรษฐสิริ วงแหวน-จตุโชติ

รวมทั้งมิกซ์ โปรดักส์แบรนด์อณาสิริ บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในโครงการเดียว ภายใต้แนวคิด “Feel Just Right ความพอดีที่ลงตัว” โครงการ อณาสิริ พายัพ ที่ตรงใจไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าชาวเชียงใหม่จนให้การตอบรับที่ดีมาก ส่งผลให้ Sold out! ปิดการขาย 2 เฟสรวด รวม 50 ยูนิต และเตรียมเปิดการขายต่อเนื่องในเฟสที่ 3 เดือน มิถุนายนนี้

รวมทั้งการโอนต่อเนื่องของโครงการอณาสิริ สรงประภาและโครงการอณาสิริ ปิ่นเกล้า-กาญจนา นอกจากนี้ยังมีรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม อาทิ เอ็กซ์ที พญาไท,เดอะ เบส ดาวน์ทาวน์ ขอนแก่น และความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมโอนโครงการ เนีย บาย แสนสิริ เป็นต้น โดยนอกจากรายได้ที่โดดเด่นในทุกโปรดักส์

แสนสิริยังมีกำไรสุทธิในไตรมาสแรกอยู่ที่ 1,315 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการยืนหยัดสร้างผลกำไรที่ดีท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและภาวะตลาดอสังหาฯ ที่ทยอยฟื้นตัว ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้แสนสิริได้รับการยืนยันอันดับเครดิตองค์กรอยู่ที่ระดับ BBB+ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความน่าเชื่อถือในระดับการลงทุน (Investment Grade) จากทริสเรทติ้ง อีกด้วย

“ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2 คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) เพื่อสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยของประชาชน จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี

โดยเพื่อตอกย้ำการก้าวสู่ปีที่ 40 ก้าวสำคัญที่กล้าจะแตกต่าง จากความเป็นผู้นำด้านดีไซน์และบริหารหลังการขาย มุ่งยกระดับคุณภาพสินค้าและการอยู่อาศัย แสนสิริเดินหน้าด้วยกลยุทธ์อย่างเหนือกว่าผ่านการตลาดที่แข็งแกร่ง รวมถึงการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขาย ให้กระจายไปในหลากหลายทำเล เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขัน

สำหรับไตรมาส 2 แสนสิริวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ราว 11 โครงการมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการ มูลค่า 4,200 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 7,800 ล้านบาท อาทิ เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน Beachfront Branded Residences แห่งแรกในเอเชีย ภายใต้แบรนด์บูทีคโฮเทลและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก “เศรษฐสิริ รวมโชค” บ้านดีไซน์ Modern Classic วิวดอยสุเทพ

ที่ชูนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น สู้ PM 2.5 ราคาเริ่มต้น 20-35 ล้านบาท* “สราญสิริ ศรีนครินทร์ – แพรกษา” บ้านเดี่ยวดีไซน์ Modern Farmhouse พร้อมส่วนกลางขนาดใหญ่ทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีแพรกษา เพียง 2.3 กม. เริ่ม 6.99 ล้านบาท* และ “สราญสิริ ศาลายา-ปิ่นเกล้า” บ้านเดี่ยวดีไซน์ยอดนิยม Urban Farmhouse พร้อม Double Volume หนึ่งเดียวบนทำเล ศาลายา ปิ่นเกล้า เพียง 10 นาที* จากคู่ขนานบรมฯ

พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน เริ่ม 9 ล้าน* เปิดพรีเซลล์พร้อมกัน 2 โครงการ วันที่ 18 – 19 พฤษภาคมนี้ “อณาสิริ อยุธยา 2” บ้านเดี่ยว-บ้านแฝด Modern Japanese แห่งเดียวในอยุธยา ส่วนกลางจัดเต็มกว่า 1 ไร่ ติดถนน 3477 เชื่อมต่อทุกเส้นทาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง เซ็นทรัลอยุธยา โลตัส โฮมโปร รวมถึงโรงพยาบาล และสถานศึกษาชั้นนำ เริ่ม 3.99 ล้านบาท*

นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดการขายคอนโดใหม่จากแสนสิริ ทำเลใจกลางเมือง เพียง 200 เมตร จาก เซ็นทรัล เชียงใหม่ ดีไซน์สไตล์รีสอร์ท ส่วนกลางครบครันทั้งสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิค 55 เมตร และ Pet Yard พร้อมจุดเด่นสเปซห้องกว้างเหมือนอยู่บ้าน และ THE MUVE สุขุมวิท 107 คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ แต่งครบ หนึ่งเดียวในย่านแบริ่งจากแสนสิริ

รวมถึงไฮไลท์การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ทั้ง ELSE (เอลซ์) หนึ่งในไฮไลท์แบรนด์แนวราบในปีนี้ และ PYNN (พินน์) ปักหมุดชีวิตใจกลางเมือง แบรนด์คอนโดน้องใหม่ ที่จ่อเปิดตัวโครงการแรก PYNN Pridi20 (พินน์ ปรีดี 20) เอ็กซ์คลูซีฟ คอนโดมิเนียมเพียง 36 ยูนิต เลี้ยงสัตว์ได้ ขนาด 1 ห้องนอน 34 ตารางเมตรพร้อมเฟอร์นิเจอร์

พร้อมที่จอดรถถึง 90% เพียง 120 เมตร ถึงโรงเรียนนานาชาติ St. Andrews สุขุมวิท71 ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท จ่อคิวเปิดตัวโครงการพร้อมอยู่วันที่ 18 – 19 พฤษภาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีในทุกโครงการเช่นเดียวกับไตรมาสแรก” นายวิชาญ กล่าว

การเงิน-หุ้น, ธุรกิจ

ETC โชว์ผลงาน Q1/67 ธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะหนุนรายได้แตะ 188.29 ลบ. จ่อตอกเสาเข็มโรงโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม มูลค่า 18,200 ลบ. Q3/67

บมจ.เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ (ETC) ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 มีรายได้รวม 188.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% (YoY) จาการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

พร้อมเดินหน้าสยายปีกลงทุนโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม 12 โครงการ มูลค่า 18,200 ล้านบาท   เตรียมตอกเสาเข็มก่อสร้างไตรมาส 3/2567 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2569

นายศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ETC” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 188.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบจากปีก่อน (YoY) และจากแผนลงทุนโรงไฟฟ้าโครงการใหม่ 10 แห่ง ทำให้กลุ่มบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายเนื่องจากการลงทุนเพิ่มขึ้น และมีค่าใช้จ่าย จากดอกเบี้ยหุ้นกู้ ทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นถึง 7.9 ล้านบาท

ส่วนแผนธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ เดินหน้าการลงทุนโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเล็งเห็นโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวจากการเติบโตของกลุ่มโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะอุตสาหกรรม เพื่อรองรับนโยบายส่งเสริมการส่งออกจากอุตสาหกรรมไทย ในการลดการกีดกันทางการค้า ที่ไม่ใช่ด้านภาษีจากต่างประเทศ แต่เป็นการกำหนดด้านการใช้พลังงานสีเขียวการจัดการขยะอุตสาหกรรมที่ถูกต้องและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

โดยปัจจุบัน ETC มี 3 โรงไฟฟ้าที่ดำเนินการซื้อขายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์รวม 16.5 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการเตรียมลงทุนเพิ่มอีก 12 โครงการ รวม 96 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่าลงทุนรวม 18,200   ล้านบาท โดยเบื้องต้นคาดว่าจะกำหนดก่อสร้างในช่วงไตรมาส 3/2567 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2569

“ETC ยังมีแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อเสนอและความเป็นไปได้             ของแต่ละโครงการ โดยวางเป้าหมายในอนาคต ETC จะมีโรงไฟฟ้าในพอร์ตเพิ่มขึ้นทั้งจากการเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ และจากเข้าซื้อโรงไฟฟ้าที่มีในปัจจุบันทุกประเภท”